มะขามเป็นพืชที่อยู่คู่คนไทยมานานแสนนาน ในอดีตนิยมใช้มะขามเปียกขัดผิวเพื่อทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส วันนี้หากจะใช้มะขามเปียกอาบน้ำกันทุกวันคงจะไม่สะดวก เราจึงขอแปลงโฉมน้ำมะขามเปียกมาเป็นสบู่ซะเลย มาดูอุปกรณ์ค่ะ
1. เบสสบู่กลีเซอรีน 90 กรัม
2. น้ำมะขามเปียก 10 กรัม ทำโดยใช้มะขามเปียกผสมน้ำต้มสุกในอัตราส่วน1:1 ขยำให้เข้ากันคั้นเอาแต่น้ำมาค่ะ
3. กลิ่นตามชอบ ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องใส่ค่ะ
วิธีทำ
นำสบู่มาหลอมโดยใช้หม้อ2ชั้น เมื่อสบู่หลอมเป็นของเหลวแล้วให้ใส่น้ำมะขามเปียกลงไปคนให้เข้ากันยกลงจากเตาแล้วใส่กลิ่น เทลงแม่พิมพ์ ก็จะได้สบู่มะขามขัดผิว ที่แสนจะสะดวกในการใช้ และได้ประโยชน์เต็มๆร้อยเปอร์เซ็นต์ค่ะ
วิธีการทำเครื่องสำอางค์ดูแลผิวแบบง่ายๆ ที่ใครๆก็สามารถทำเองได้ที่บ้าน ..You can do it by yourself...with SaSa ^_^
วันศุกร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2555
วันจันทร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2555
สเปรย์หอมปรับอากาศDIY
วันนี้ลมหนาวเริ่มโชยมาแล้ว จมูกเริ่มสัมผัสกับอากาศแห้งๆ ชวนให้นึกถึงบรรยากาศบนยอดดอย และผลไม้ที่คู่ควรแก่ฤดูกาลนี้คือ ส้ม ค่ะ วันนี้มาสร้างบรรยากาศของฤดูหนาวด้วยสเปรย์ปรับอากาศแบบง่ายๆ และแน่นอนที่จะมีน้ำมันจากส้มมาเป็นส่วนประกอบด้วยค่ะ
ส่วนประกอบ
น้ำมันเปลือกส้ม 1 ช้อนชา
น้ำมันเป็บเปอร์มินต์ 1 ช้อนชา
แอลกอฮอล์ 95% 1 ถ้วยตวง
น้ำ 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
ผสมน้ำมันทั้งสองตัว ลงในแอลกอฮอล์ คนจนละลายเข้ากัน เติมน้ำลงไปทีละนิด จนเริ่มขุ่นให้หยุดแล้วคนให้เข้ากัน เทลงในขวดเสปรย์
เราจะได้สเปรย์ที่ช่วยให้ห้องมีกลิ่นสดชื่น และสามารถลดกลิ่นอับในห้องได้ด้วยค่ะ ไม่ต้องไปซื้อสเปรย์ปรับอากาศราคาแพงๆมาใช้ สำหรับใครที่ไม่มีน้ำมันตามlist ข้างบน สามรถสกัดสดๆ ได้ค่ะ คือใช้ใบสะระแหน่สดๆ 1 กำมือ และ เปลือกส้มสดประมาณ 1 ถ้วย แช่ในแอลกอฮอล์ล้างแผล 1 ถ้วยตวง ในขวดโหลแช่ไว้ประมาณ 1 คืน (ปิดฝาด้วยนะคะ) เมื่อครบ 1 คืน ก็รินเฉพาะส่วนสารละลายออกมาใช้ ไม่ต้องเติมน้ำลงไปนะคะเพราะแอลกอฮอล์ล้างแผลมีน้ำประกอบอยู่ 30 เปอร์เซ็นต์ค่ะ
ส่วนประกอบ
น้ำมันเปลือกส้ม 1 ช้อนชา
น้ำมันเป็บเปอร์มินต์ 1 ช้อนชา
แอลกอฮอล์ 95% 1 ถ้วยตวง
น้ำ 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
ผสมน้ำมันทั้งสองตัว ลงในแอลกอฮอล์ คนจนละลายเข้ากัน เติมน้ำลงไปทีละนิด จนเริ่มขุ่นให้หยุดแล้วคนให้เข้ากัน เทลงในขวดเสปรย์
เราจะได้สเปรย์ที่ช่วยให้ห้องมีกลิ่นสดชื่น และสามารถลดกลิ่นอับในห้องได้ด้วยค่ะ ไม่ต้องไปซื้อสเปรย์ปรับอากาศราคาแพงๆมาใช้ สำหรับใครที่ไม่มีน้ำมันตามlist ข้างบน สามรถสกัดสดๆ ได้ค่ะ คือใช้ใบสะระแหน่สดๆ 1 กำมือ และ เปลือกส้มสดประมาณ 1 ถ้วย แช่ในแอลกอฮอล์ล้างแผล 1 ถ้วยตวง ในขวดโหลแช่ไว้ประมาณ 1 คืน (ปิดฝาด้วยนะคะ) เมื่อครบ 1 คืน ก็รินเฉพาะส่วนสารละลายออกมาใช้ ไม่ต้องเติมน้ำลงไปนะคะเพราะแอลกอฮอล์ล้างแผลมีน้ำประกอบอยู่ 30 เปอร์เซ็นต์ค่ะ
วันจันทร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
แปลงโฉมสบู่ก้อนเป็นสบู่เหลวถนอมผิวสูตรพิเศษ^^
สูตรที่จะนำเสนอต่อไปนี้จะเหมาะสำหรับผู้ที่รักการอาบน้ำด้วยสบู่เหลว แต่อยากได้สารเพิ่มความชุ่มชื้นเพิ่มขึ้น เราเลยดัดแปลงสบู่ก้อนธรรมดาราคาถูกๆมาทำสบู่เหลวที่อุดมด้วยmoisturizer กันค่ะ
ส่วนประกอบ
สบู่ก้อนขนาด 100 กรัม 1 ก้อน
กลีเซอรีนเหลว 20 กรัม
เจลว่านหางจรเข้ 10 กรัม
น้ำมันมะกอก 5 กรัม
น้ำดื่มประมาณ 200 ml
แชมพู 5 กรัม
วิธีทำ
นำสบู่มาขูดฝอยด้วยที่ขูดมะละกอ แช่ในน้ำแล้วต้มไปเรื่อยๆ ผสมกลีเซอรีน เจลว่านหางจรเข้ และน้ำมันมะกอกลงไป แล้วตุ๋นไปเรื่อยๆจนสบู่ละลายหมด ผสมแชมพูลงไป ซึ่งจะช่วยเพิ่มให้ฟองมากขึ้น ถ้าใครไม่ชอบฟอง ก็ไม่ต้องใส่ก็ได้ค่ะ คนเบาๆจนแชมพูเข้าเป็นเนื้อเดียวกันกับสบู่ ทิ้งไว้ให้อุ่น เติมสีและกลิ่นตามใจชอบ แล้วเทลงภาชนะบรรจุ ทิ้งไว้ให้เย็น ก็จะได้สบู่เหลวที่เป็นสูตรเฉพาะไม่เหมือนใครแล้วค่ะ ^^
แถมอีกนิดนึง หากว่าสบู่ดูข้นไปสามารถเติมน้ำเพิ่มได้อีก แต่ต้องใช้ความร้อนช่วยให้สบู่ละลายได้ดีขึ้นนะคะ....
ส่วนประกอบ
สบู่ก้อนขนาด 100 กรัม 1 ก้อน
กลีเซอรีนเหลว 20 กรัม
เจลว่านหางจรเข้ 10 กรัม
น้ำมันมะกอก 5 กรัม
น้ำดื่มประมาณ 200 ml
แชมพู 5 กรัม
วิธีทำ
นำสบู่มาขูดฝอยด้วยที่ขูดมะละกอ แช่ในน้ำแล้วต้มไปเรื่อยๆ ผสมกลีเซอรีน เจลว่านหางจรเข้ และน้ำมันมะกอกลงไป แล้วตุ๋นไปเรื่อยๆจนสบู่ละลายหมด ผสมแชมพูลงไป ซึ่งจะช่วยเพิ่มให้ฟองมากขึ้น ถ้าใครไม่ชอบฟอง ก็ไม่ต้องใส่ก็ได้ค่ะ คนเบาๆจนแชมพูเข้าเป็นเนื้อเดียวกันกับสบู่ ทิ้งไว้ให้อุ่น เติมสีและกลิ่นตามใจชอบ แล้วเทลงภาชนะบรรจุ ทิ้งไว้ให้เย็น ก็จะได้สบู่เหลวที่เป็นสูตรเฉพาะไม่เหมือนใครแล้วค่ะ ^^
แถมอีกนิดนึง หากว่าสบู่ดูข้นไปสามารถเติมน้ำเพิ่มได้อีก แต่ต้องใช้ความร้อนช่วยให้สบู่ละลายได้ดีขึ้นนะคะ....
วันอาทิตย์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
มาทำโคโคนัทบัตเตอร์ใช้เองต้อนรับลมหนาวดีกว่าค่ะ
ลมหนาวเริ่มพัดมาแผ่วๆแล้วค่ะ สำหรับใครหลายคนที่ผิวแห้ง เริ่มกักตุนโลชั่นกันแล้ว วันนี้จะมานำเสนอบัตเตอร์สำหรับสาวๆตามฉบับDIY ของSASA ออกแนวสะดวก ประหยัด นิดนึงค่ะ มาดูส่วนผสมกันเลยนะคะ วันนี้ไม่มีอะไรมากค่ะ มีแค่กระทิสำเร็จรูป 1 กล่องเท่านั้นเอง เทลงหม้อเลยค่ะ เคี่ยวไปเรื่อยๆด้วยไฟอ่อน ให้น้ำมันมะพร้าวสีใสๆออกเหลือง ออกมาจนเหลือน้ำมันกับกาก ทิ้งให้อุ่นแล้วกรองเอากากออก แล้วเอาเข้าตู้เย็น จนเป็นไขสีขาว เราก็จะมีบัตเตอร์มะพร้าวไว้ใช้ในหน้าหนาวค่ะ ถ้าใครไม่ชอบกลิ่นก็สามารถเติมกลิ่นด้วยน้ำมันหอมระเหยตัวอื่นได้ด้วยนะคะ แต่ต้องระวังนิดนึงว่าตัวคุณแพ้น้ำมันหอมระเหยประเภทนั้นด้วยหรือไม่ บัตเตอร์ตัวนี้เหมาะสำหรับบริเวณที่หยาบกร้านและแห้งเป็นพิเศษค่ะ และสามารถใช้ทาริมฝีปากเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นด้วยนะคะ หากรู้สึกว่าเหนอะไป อาจจะอุ่นให้บัตเตอร์ละลายเป็นน้ำมันใสๆแล้วเติมbaby oil ลงไปก็จะได้โลชั่นเนื้อเบาขึ้นค่ะ ^^
วันอาทิตย์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
ครีมนวดผมสูตรที่ทำได้ด้วยตัวคุณเอง^^
ห่างหายไปเป็นเดือน เพิ่งมีเวลาพักหายใจนี่แหล่ะค่ะ 55 วันนี้เลยหาสูตรสำเร็จของครีมนวดผมที่ตอบโจทย์ใครหลายคน เป็นDIY ที่สามารถทำได้โดยใช้สารเคมีไม่กี่อย่างนะคะ หาได้ตามแถววัดตึกและร้านขายสารเคมีทั่วๆไปค่ะ มาดูส่วนผสมกันดีกว่าค่ะ
1. Rinse compound 3 %(สารปรับสภาพเส้นผม)
2. Cetyl alcohol 4 %(สารเพิ่มความข้น และบำรุง)
3. GMS 3 %(สารเพิ่มความข้น)
4. Plyquarternium 7 2%(สารช่วยให้ผมลื่นและไม่พันกัน)
5. Bronidox L 0.1%(สารกันเสีย)
6. น้ำตะไคร้ 88%( นำตะไคร้มาต้มกับน้ำในอัตราส่วน 1:1 ต้มจนได้น้ำสีน้ำตาลอ่อน)
วิธีทำ
หาหม้อมา 2 ใบนะคะ ซ้อนกัน ชั้นนอกเติมน้ำตั้งบนเตาไฟให้น้ำเดือดเบาๆ แล้วใส่สาร 1,2,3,4,6 ลงไป คนจนละลายเป็นน้ำ ยกลง พอเริ่มอุ่นๆให้เติม5 ลงไป แล้วคนไปเรื่อยๆ จะได้ครีมนวดผมเนื้อแน่น ไว้สำหรับนวดผม หรือหมักผม สำหรับสูตรนี้ จะช่วยลดอาการผมแตกปลาย สามารถเปลี่ยนจากน้ำตะไคร้เป็นสารตัวอื่นได้นะคะ เช่น น้ำว่านหางจรเข้ หรือน้ำมันมะกอกหรือ น้ำมันมะพร้าว แต่ถ้าใช้พวกน้ำมันให้ใส่ไปไม่เกิน 10% นอกนั้นให้ใช้น้ำเปล่าเติมลงไปจนได้น้ำหนักสารทั้งหมดรวมกัน 100%ค่ะ
1. Rinse compound 3 %(สารปรับสภาพเส้นผม)
2. Cetyl alcohol 4 %(สารเพิ่มความข้น และบำรุง)
3. GMS 3 %(สารเพิ่มความข้น)
4. Plyquarternium 7 2%(สารช่วยให้ผมลื่นและไม่พันกัน)
5. Bronidox L 0.1%(สารกันเสีย)
6. น้ำตะไคร้ 88%( นำตะไคร้มาต้มกับน้ำในอัตราส่วน 1:1 ต้มจนได้น้ำสีน้ำตาลอ่อน)
วิธีทำ
หาหม้อมา 2 ใบนะคะ ซ้อนกัน ชั้นนอกเติมน้ำตั้งบนเตาไฟให้น้ำเดือดเบาๆ แล้วใส่สาร 1,2,3,4,6 ลงไป คนจนละลายเป็นน้ำ ยกลง พอเริ่มอุ่นๆให้เติม5 ลงไป แล้วคนไปเรื่อยๆ จะได้ครีมนวดผมเนื้อแน่น ไว้สำหรับนวดผม หรือหมักผม สำหรับสูตรนี้ จะช่วยลดอาการผมแตกปลาย สามารถเปลี่ยนจากน้ำตะไคร้เป็นสารตัวอื่นได้นะคะ เช่น น้ำว่านหางจรเข้ หรือน้ำมันมะกอกหรือ น้ำมันมะพร้าว แต่ถ้าใช้พวกน้ำมันให้ใส่ไปไม่เกิน 10% นอกนั้นให้ใช้น้ำเปล่าเติมลงไปจนได้น้ำหนักสารทั้งหมดรวมกัน 100%ค่ะ
วันศุกร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2555
สบู่สมุนไพรป้องกันหวัด..ทำง่ายๆด้วยตัวคุณเอง
สำหรับใครหลายๆคนที่อยากทำสบู่ที่ไม่เหมือนใครแถมมีสรรพคุณป้องกันหวัด วันนี้เราภูมิใจเสนอ สบู่กลีเซอรีนป้องกันหวัด มาดูส่วนผสมกันเลยค่ะ
1. เบสสบู่กลีเซอรีน 100 กรัม
2. สีผสมอาหารสีเขียว 1 หยด
3. สะระแหน่หั่นละเอียด 2 ช้อนชา
4. นำมันยูคาลิบตัส 10 หยด
วิธีทำ
หลอมสบู่ให้ละลายเป็นสารละลายใส คอยวัดอุณหภูมิให้ประมาณ40 องศาหรือจับพออุ่นๆแต่สบู่ยังไม่แข็งตัว เติมสาระแหน่บดละเอียดลงไปคนแล้วเติมสี และน้ำมันยูคาลอบตัสลงไปเทใส่แม่พิมพ์ตามชอบทิ้งไว้ให้แข็งตัว ประมาณ1 ชั่วโมง
คุณก็จะได้สบู่กลีเซอรีนที่ถนอมผิวที่มี น้ำมันยูคาลิบตัสและน้ำมันในสาระแหน่ซึ่งช่วยฆ่าเชื้อโรคด้วยนะคะ สบู่หรูๆแบบนี้ ทำได้ง่ายๆ ด้วยตัวคุณเองเช่นเคยค่ะ :)
1. เบสสบู่กลีเซอรีน 100 กรัม
2. สีผสมอาหารสีเขียว 1 หยด
3. สะระแหน่หั่นละเอียด 2 ช้อนชา
4. นำมันยูคาลิบตัส 10 หยด
วิธีทำ
หลอมสบู่ให้ละลายเป็นสารละลายใส คอยวัดอุณหภูมิให้ประมาณ40 องศาหรือจับพออุ่นๆแต่สบู่ยังไม่แข็งตัว เติมสาระแหน่บดละเอียดลงไปคนแล้วเติมสี และน้ำมันยูคาลอบตัสลงไปเทใส่แม่พิมพ์ตามชอบทิ้งไว้ให้แข็งตัว ประมาณ1 ชั่วโมง
คุณก็จะได้สบู่กลีเซอรีนที่ถนอมผิวที่มี น้ำมันยูคาลิบตัสและน้ำมันในสาระแหน่ซึ่งช่วยฆ่าเชื้อโรคด้วยนะคะ สบู่หรูๆแบบนี้ ทำได้ง่ายๆ ด้วยตัวคุณเองเช่นเคยค่ะ :)
วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2555
ฆ่าเชื้อโรคในห้องด้วยยูคาลิปตัสDIY ง่ายๆแบบไม่แพง
เข้าหน้าพายุมาหลายคนเริ่มมีอาการของหวัด การแพร่กระจายของเชื้อหวัดจะค่อนข้างรวดเร็ว และมีหลากหลายสายพันธ์ ซึ่งบางคนเข้าใจว่าเป็นหวัดแล้วจะมีภูมิคุ้มกันทำให้ไม่เป็นอีก ในความเป็นจริงแล้วหวัดมีอยู่ร้อยกว่าสายพันธุ์ ถ้าเราเป็นหวัดที่เกิดจากเชื้อหวัดสายพันธุ์หนึ่ง เราจะมีภูมิคุ้มกันเชื้อหวัดเฉพาะสายพันธุ์นั้นเท่านั้น ซึ่งถ้าได้รับเชื้อสายพันธุ์อื่นก็จะป่วยเป็นหวัดอีก ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุดคือดูแลตัวเองและคนรอบข้างให้มีสุขภาพแข็งแรงค่ะ เพราะหวัดจะโจมตีเฉพาะผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอเท่านั้น วันนี้มีวิธีทำสเปรย์ฆ่าเชื้ออย่างง่ายมาให้คุณได้ใช้กัน มาดูส่วนผสมกันเลยค่ะ
น้ำมันยูคาลิบตัส 1 ส่วน
แอลกอฮอล์ 8 ส่วน
น้ำสะอาด 1 ส่วน
วิธีทำ
นำน้ำมันยูคาลิปตัสกับแอลกอฮอล์มาผสมให้เข้ากันในภาชนะที่มีความใสคนจนเข้ากัน ค่อยๆเติมน้ำสะอาดลงไปทีละนิดคนไปเรื่อยๆจนเข้ากันหมด รินสารละลายที่ได้ลงในขวดสเปรย์
สเปรย์ที่ได้สามารถเอามาฉีดในห้องเพื่อฆ่าเชื้อและลดกลิ่นอับ เหมาะสำหรับห้องที่มีคนป่วยโรคหวัดเพราะจะช่วยให้อาการคัดจมูกลดน้อยลงด้วยค่ะ แต่ไม่แนะนำให้มาฉีดบริเวณใบหน้านะคะ ใช้สำหรับสเปรย์ห้องเท่านั้นค่ะ นอกจากนี้สเปรย์ที่มียูคาลิปตัสจะช่วยให้ผ่อนคลายและนอนหลับได้ง่ายขึ้นอีกด้วยค่ะ^^
น้ำมันยูคาลิบตัส 1 ส่วน
แอลกอฮอล์ 8 ส่วน
น้ำสะอาด 1 ส่วน
วิธีทำ
นำน้ำมันยูคาลิปตัสกับแอลกอฮอล์มาผสมให้เข้ากันในภาชนะที่มีความใสคนจนเข้ากัน ค่อยๆเติมน้ำสะอาดลงไปทีละนิดคนไปเรื่อยๆจนเข้ากันหมด รินสารละลายที่ได้ลงในขวดสเปรย์
สเปรย์ที่ได้สามารถเอามาฉีดในห้องเพื่อฆ่าเชื้อและลดกลิ่นอับ เหมาะสำหรับห้องที่มีคนป่วยโรคหวัดเพราะจะช่วยให้อาการคัดจมูกลดน้อยลงด้วยค่ะ แต่ไม่แนะนำให้มาฉีดบริเวณใบหน้านะคะ ใช้สำหรับสเปรย์ห้องเท่านั้นค่ะ นอกจากนี้สเปรย์ที่มียูคาลิปตัสจะช่วยให้ผ่อนคลายและนอนหลับได้ง่ายขึ้นอีกด้วยค่ะ^^
วันจันทร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555
Night serum ดีๆก่อนนอนด้วยตัวคุณเอง ^^
กุหลาบเป็นดอกไม้ที่บ่งบอกถึงความรัก แต่นอกจากจะเป็นสัญลักษณ์ของความรักแล้วทราบไหมคะว่า ในดอกกุหลาบยังมีสารอาหารและวิตามินที่ช่วยบำรุงผิวหน้าเราได้เป็นอย่างดี อย่างที่เคยเสนอให้ทำ Rose water เช็ดหน้าแทนtoner ไปแล้ว สำหรับวันนี้จะแนะวิธีการทำNight serum ที่สกัดคุณค่าจากดอกกุหลาบมาบำรุงผิวก่อนนอนกันค่ะ
ส่วนประกอบ
น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น 2 ช้อนโต๊ะ
กลีบกุหลาบฉีกให้เป็นริ้วๆ 1 ช้อนโต๊ะ(ล้างกลีบกุหลาบให้สะอาดก่อนนะคะ)
วิธีทำ
นำกุหลาบผสมกับน้ำมันมะพร้าว ใช้ช้อนบดกลีบพอช้ำ ทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง แยกเอากลีบกุหลาบทิ้งไป เราก็จะได้Night serum ที่อุดมไปด้วยวิตามิน สามารถทาบางๆทั่วหน้าก่อนนอน ไม่ต้องไปซื้อซีรั่ม ราคาแพงๆที่เราเองยังไม่มั่นใจว่าจะมีสารสำคัญบำรุงผิวหน้าเราจริงๆหรือเปล่าค่ะ ^_^
ส่วนประกอบ
น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น 2 ช้อนโต๊ะ
กลีบกุหลาบฉีกให้เป็นริ้วๆ 1 ช้อนโต๊ะ(ล้างกลีบกุหลาบให้สะอาดก่อนนะคะ)
วิธีทำ
นำกุหลาบผสมกับน้ำมันมะพร้าว ใช้ช้อนบดกลีบพอช้ำ ทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง แยกเอากลีบกุหลาบทิ้งไป เราก็จะได้Night serum ที่อุดมไปด้วยวิตามิน สามารถทาบางๆทั่วหน้าก่อนนอน ไม่ต้องไปซื้อซีรั่ม ราคาแพงๆที่เราเองยังไม่มั่นใจว่าจะมีสารสำคัญบำรุงผิวหน้าเราจริงๆหรือเปล่าค่ะ ^_^
วันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2555
เคล็ดลับหน้าเด้งด้วยแตงโม....
แตงโม เป็น ผลไม้ที่อยู่คู่รถเข็นกันตลอดกาลเลยก็ว่าได้ เป็นผลไม้ที่เราเจอตลอดทั้งปี และมีทั้งสีแดง และสีเหลือง ที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำหวาน ช่วยเพิ่มความสดชื่นและลดอาการขาดน้ำได้เป็นอย่างดี คุณทราบไหมคะว่านอกจากแตงโมจะประกอบไปด้วยน้ำแล้ว ยังมีวิตามินและเกลือแร่ มากมาย รวมทั้ง แอลฟ่า ไฮดรอกซี่ลิก แอซิด หรือ ที่เรารู้จักกันดีคือ AHA ซึ่งเป็นสารที่นิยมใช้ผลัดผิวให้ใสเด้ง ดังนั้น วันนี้จึงมาแนะนำให้ ใช้ แตงโม ล้างหน้ากันค่ะ เราสามารถใช้แตงโมที่คั้นสดๆด้วยมือเรา ใช้สำลีชุบให้ชุ่ม เช็ดหน้าเบาๆ ทิ้งไว้ 10 นาทีแล้วล้างออก แนะนำให้ล้างทุกวัน ปริมาณ AHA ในแตงโมจะช่วยทำให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน ทำต่อเนื่องประมาณหนึ่งสัปดาห์ก็จะเริ่มเห็นผลในเรื่องของผิวที่เรียบเนียนขึ้น ลองทำดูค่ะ วิธีง่ายๆที่สามารถทำได้ด้วยตัวคุณเอง ^^
วันพฤหัสบดีที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
อันตรายจากสารกันแดด และสูตรการทำครีมกันแดดที่ปลอดสารอันตรายแบบง่ายๆค่ะ
วันนี้ได้อ่านreview ของครีมกันแดด ของทางต่างประเทศดูเขาต่อต้านการใช้ สารกันแดดแบบเคมีและรูปแบบnano กันค่อนข้างมากเลยล่ะค่ะ ซึ่งมีการแจ้งข้อมูลว่าสารที่เกิดความเป็นพิษมากที่สุด 5 อันดับแรก มีดังต่อไปนี้ค่ะ
1. Oxybenzone ( benzophenone-3) เป็นสารที่ใช้กันเยอะเพื่อใช้ป้องกัน UVA ค่ะเขาพบว่าสารตัวนี้สามารถดูดซึมเข้าสู่ใต้ผิวและเป็นตัวที่ก่อให้เกิดการแพ้ รวมทั้งกระตุ้นให้เกิดการทำลายเซลล์ได้ด้วย
2. Nanoparticles -สารกันแดดที่ทำอนุภาคให้เล็กลง พบมากในสเปรย์กันแดด ซึ่งมีความสามารถในการดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้ดี ผลที่เกิดขึ้น คือ เกิดการทำลายเซลล์สมองและไขสันหลัง มีส่วนในการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้ ซึ่งตัวนี้ส่วนใหญ่คือ nano zinc oxide และ nano titanium oxide ซึ่งจริงๆแล้วสารกลุ่มนี้ถ้าไม่เป็นแบบnano จะเป็นสารกันแดดที่มีประสิทธิภาพสูงและมีความเป็นพิษต่ำ ดังนั้น เราควรเลือก สารกันแดด แบบธรรมดา ไม่มีคำว่า nano ซึ่งปกติตัวnano ราคาแพงกว่าแบบธรรมดาเกือบเท่าตัวค่ะ
3. Retinyl Palmitate [RP]-เป็นรูปแบบหนึ่งของวิตามินA ซึ่งเมื่อผสมในครีมกันแดดแล้ว เมื่อเราเดินออกไปเจอแสงแดด จะทำให้สารตัวนี้สร้างความระคายเคืองให้กับผิวเรามากยิ่งขึ้น
4. Octyl methoxycinnamate,(Octinoxate, Eusolex 2292 ,Uvinul MC80) ตัวนี้นิยมใช้กันมาก แต่พบว่าก่อให้เกิดการระคายเคืองให้กับผิวเราได้อีกเช่นกัน รวมทั้งมีผลไปลดการทำงานของไธรอยด์ฮอร์โมนอีกด้วยค่ะ
5. Paraminobenzoic acid, (PABA) มีรายงานพบว่าตัวสารเคมีเองปล่อยสารอนุมูลอิสระไปยังผิวก่อให้เกิดการแพ้และระคายเคือง รวมทั้งทำให้เกิดริ้วรอยง่าย และเป็นสารก่อมะเร็งสำคัญอีกตัวหนึ่งด้วยค่ะ
อ่านไปแล้วก็สยองดีเหมือนกัน ปกติเวลาเราเลือกซื้อ ครีมกันแดด ก็คงจะเลือกแบบ กันได้เยอะๆ หน้าไม่ขาวว่อก ก็น่าจะพอ ซึ่งจริงๆแล้ว ผู้ผลิตที่ผลิตได้แบบที่คุณต้องการเป๊ะ เลย ก็คือใส่สารทั้งหลายเหล่านี้นี่แหล่ะค่ะ จะมากล่าวหาว่าเพราะเราบำรุงไม่พอหน้าถึงโทรม คงจะไม่ใช้เพียงอย่างเดียวแล้วล่ะค่ะ ต้องสังเกตครีมกันแดดที่คุณใช้ด้วยแล้วล่ะว่ามีปัจจัยเสี่ยงด้วยสารเหล่านี้บ้างหรือเปล่า
วันนี้ก็เลยหาสูตรกันแดด แบบว่า ระคายเคืองผิวน้อยที่สุด และให้ผลกันแดด ได้ดีที่สุดละกันค่ะ ดีกว่าไปซื้อมาแล้วไม่รู้ว่ามันจะปลอดภัยหรือเปล่า
ส่วนผสม
ครีมทาผิวของเด็ก 70 กรัม
Zinc oxide 30 กรัม
วิธีทำ
ผสมสารทั้งสองลงไป เวลาผสมต้องสวมผ้าปิดจมูกด้วยนะคะ เพราะตัวZinc oxide ค่อนข้างฟุ้งค่ะ ค่อยๆผสมให้เข้ากันลองทาดูถ้ารู้สึกเหนอะไป อาจจะเติมน้ำไปทีละครึ่งช้อนชา อย่างใจเย็น จนได้เนื้อครีมที่เราต้องการ ถ้าเท พรวดเดียวจะกลายเป็นสปรย์กันแดดไป 55 ทีนี้เราก็จะได้ครีมกันแดด ที่มีค่า SPF 30 ที่ปลอดภัยค่ะ :)
1. Oxybenzone ( benzophenone-3) เป็นสารที่ใช้กันเยอะเพื่อใช้ป้องกัน UVA ค่ะเขาพบว่าสารตัวนี้สามารถดูดซึมเข้าสู่ใต้ผิวและเป็นตัวที่ก่อให้เกิดการแพ้ รวมทั้งกระตุ้นให้เกิดการทำลายเซลล์ได้ด้วย
2. Nanoparticles -สารกันแดดที่ทำอนุภาคให้เล็กลง พบมากในสเปรย์กันแดด ซึ่งมีความสามารถในการดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้ดี ผลที่เกิดขึ้น คือ เกิดการทำลายเซลล์สมองและไขสันหลัง มีส่วนในการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้ ซึ่งตัวนี้ส่วนใหญ่คือ nano zinc oxide และ nano titanium oxide ซึ่งจริงๆแล้วสารกลุ่มนี้ถ้าไม่เป็นแบบnano จะเป็นสารกันแดดที่มีประสิทธิภาพสูงและมีความเป็นพิษต่ำ ดังนั้น เราควรเลือก สารกันแดด แบบธรรมดา ไม่มีคำว่า nano ซึ่งปกติตัวnano ราคาแพงกว่าแบบธรรมดาเกือบเท่าตัวค่ะ
3. Retinyl Palmitate [RP]-เป็นรูปแบบหนึ่งของวิตามินA ซึ่งเมื่อผสมในครีมกันแดดแล้ว เมื่อเราเดินออกไปเจอแสงแดด จะทำให้สารตัวนี้สร้างความระคายเคืองให้กับผิวเรามากยิ่งขึ้น
4. Octyl methoxycinnamate,(Octinoxate, Eusolex 2292 ,Uvinul MC80) ตัวนี้นิยมใช้กันมาก แต่พบว่าก่อให้เกิดการระคายเคืองให้กับผิวเราได้อีกเช่นกัน รวมทั้งมีผลไปลดการทำงานของไธรอยด์ฮอร์โมนอีกด้วยค่ะ
5. Paraminobenzoic acid, (PABA) มีรายงานพบว่าตัวสารเคมีเองปล่อยสารอนุมูลอิสระไปยังผิวก่อให้เกิดการแพ้และระคายเคือง รวมทั้งทำให้เกิดริ้วรอยง่าย และเป็นสารก่อมะเร็งสำคัญอีกตัวหนึ่งด้วยค่ะ
อ่านไปแล้วก็สยองดีเหมือนกัน ปกติเวลาเราเลือกซื้อ ครีมกันแดด ก็คงจะเลือกแบบ กันได้เยอะๆ หน้าไม่ขาวว่อก ก็น่าจะพอ ซึ่งจริงๆแล้ว ผู้ผลิตที่ผลิตได้แบบที่คุณต้องการเป๊ะ เลย ก็คือใส่สารทั้งหลายเหล่านี้นี่แหล่ะค่ะ จะมากล่าวหาว่าเพราะเราบำรุงไม่พอหน้าถึงโทรม คงจะไม่ใช้เพียงอย่างเดียวแล้วล่ะค่ะ ต้องสังเกตครีมกันแดดที่คุณใช้ด้วยแล้วล่ะว่ามีปัจจัยเสี่ยงด้วยสารเหล่านี้บ้างหรือเปล่า
วันนี้ก็เลยหาสูตรกันแดด แบบว่า ระคายเคืองผิวน้อยที่สุด และให้ผลกันแดด ได้ดีที่สุดละกันค่ะ ดีกว่าไปซื้อมาแล้วไม่รู้ว่ามันจะปลอดภัยหรือเปล่า
ส่วนผสม
ครีมทาผิวของเด็ก 70 กรัม
Zinc oxide 30 กรัม
วิธีทำ
ผสมสารทั้งสองลงไป เวลาผสมต้องสวมผ้าปิดจมูกด้วยนะคะ เพราะตัวZinc oxide ค่อนข้างฟุ้งค่ะ ค่อยๆผสมให้เข้ากันลองทาดูถ้ารู้สึกเหนอะไป อาจจะเติมน้ำไปทีละครึ่งช้อนชา อย่างใจเย็น จนได้เนื้อครีมที่เราต้องการ ถ้าเท พรวดเดียวจะกลายเป็นสปรย์กันแดดไป 55 ทีนี้เราก็จะได้ครีมกันแดด ที่มีค่า SPF 30 ที่ปลอดภัยค่ะ :)
วันพุธที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
Relaxing scrub bath อาบน้ำคลายเครียดกันเถอะ...
มีบางวันไหมคะที่มันเครียดหนักๆ อยากจะพักบ้าง แต่งานมันเยอะจัด หนีไปทะเล ก้อเปลืองเงิน กลับมาดำกว่าเดิม เครียดหนักกว่าอีก เฮ้อ วันนี้เลยมีสูตรอาบน้ำขัดผิวลดอาการเครียด แบบสาวขี้เกียจเยอะ แต่อยากได้ประโยชน์แบบ เห็นกัน ชัดเลย ลองมาดูส่วนผสมกันค่ะ
ส่วนผสม
Epsom salt 1 ถ้วย -ไปถามร้านขายยาจีนค่ะ บอกเขาว่าเอาดีเกลือฝรั่ง เขาจะเข้าใจ มันจะเป็นเกล็ดใสๆ คล้ายผงชูรส แต่รูปเกล็ดจะคล้ายน้ำตาลทรายค่ะ
น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันมะพร้าว 1 ช้อนโต๊ะ-ถ้าไม่มีเอาเบบี้ออยล์ค่ะ
สบู่เหลว 1/2 ถ้วย
วิธีทำ
ผสมทุกอย่างให้เข้ากันค่ะ ถ้ามันเหลวไปใส่Epsom salt ลงไปจนไม่เห็นส่วนของน้ำ ห้ามใช้เกลือป่นนะคะ เพราะตัวที่ช่วยผ่อนคลายคือ Epsom salt ค่ะ
วิธีใช้คือ ใช้อาบน้ำขัดผิวเวลาที่เรารู้สึกเหนื่อยจัดๆ หรือว่าเครียด ขัดเบาๆนะคะ ไม่งั้นผิวจะถลอกเครียดกว่าเดิมอีก พอตัวEpsom salt ละลายหมดก็ล้างตัวค่ะ หลังจากอาบน้ำเสร็จอย่าไปนั่งทำงานต่อนะคะ นอนอย่างเดียวเลยค่ะ ซักพักเราก็จะรู้ตัวว่า ทำไมมันเช้าเร็วจังนะเนี่ย 5555 โดนวางยาหลับสนิทค่ะ
ปล. ไม่ได้สอนให้วางยาใครนะคะ :)
ส่วนผสม
Epsom salt 1 ถ้วย -ไปถามร้านขายยาจีนค่ะ บอกเขาว่าเอาดีเกลือฝรั่ง เขาจะเข้าใจ มันจะเป็นเกล็ดใสๆ คล้ายผงชูรส แต่รูปเกล็ดจะคล้ายน้ำตาลทรายค่ะ
น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันมะพร้าว 1 ช้อนโต๊ะ-ถ้าไม่มีเอาเบบี้ออยล์ค่ะ
สบู่เหลว 1/2 ถ้วย
วิธีทำ
ผสมทุกอย่างให้เข้ากันค่ะ ถ้ามันเหลวไปใส่Epsom salt ลงไปจนไม่เห็นส่วนของน้ำ ห้ามใช้เกลือป่นนะคะ เพราะตัวที่ช่วยผ่อนคลายคือ Epsom salt ค่ะ
วิธีใช้คือ ใช้อาบน้ำขัดผิวเวลาที่เรารู้สึกเหนื่อยจัดๆ หรือว่าเครียด ขัดเบาๆนะคะ ไม่งั้นผิวจะถลอกเครียดกว่าเดิมอีก พอตัวEpsom salt ละลายหมดก็ล้างตัวค่ะ หลังจากอาบน้ำเสร็จอย่าไปนั่งทำงานต่อนะคะ นอนอย่างเดียวเลยค่ะ ซักพักเราก็จะรู้ตัวว่า ทำไมมันเช้าเร็วจังนะเนี่ย 5555 โดนวางยาหลับสนิทค่ะ
ปล. ไม่ได้สอนให้วางยาใครนะคะ :)
วันศุกร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
โลชั่นแก้เครียดคลายปวดค่ะ :P
สำหรับใครๆที่ไม่ชอบกลิ่นยาหม่อง เวลา ที่ปวดไหล่ ปวดหลัง คงจะหลีกเลี่ยงยากใช่ไหมคะ ตอนนี้มีตัวเลือกแล้วค่ะ นั่นคือ Epsom salt lotion ของฝรั่งเค้า สามารถลดอาการปวดเมื่อยได้จากผลของ Epsom salt หรือชื่อทางเคมีที่เรียกว่า Magnesium sulphate บ้านเราก็รู้จักกันดีในชื่อ "ดีเกลือฝรั่ง" แต่ราคาสนนกันประมาณเกือบๆสามสิบเหรียญต่อขวด แพงเว่อร์อยู่ค่ะ ก็เลยลองมาคิดดูว่าหากบ้านเราก็มีดีเกลืออยู่นะ พอดีไปค้นดูฝรั่งจอมงก ว่า คุณแม่บ้านทั้งหลาย เขามีทำใช้กันบ้างไหม ปรากฎว่า เยอะค่ะ (ฝรั่งก็ขี้เหนียวเป็นแฮะ 5555) เอาล่ะวันนี้เราลองมาทำโลชั่นผ่อนคลาย แบบถูก แซ่บ เว่อร์ ตำรับ SaSa กันดีกว่าค่ะ:)
ส่วนผสม
ครีมทาผิวเด็กน้อย 1 ถ้วย
ดีเกลือฝรั่ง 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่าร้อนๆ ครึ่งถ้วย
น้ำมันยูคาลิปตัส สิบหยด
วิธีทำ
ละลายดีเกลือฝรั่งกับน้ำร้อนคนจนละลายหมด ถ้ายังเหลือเป็นผงอยู่ใช้ความร้อนช่วย จนละลายหมด เสร็จแล้วเทลงไปในครีม คนเร็วๆให้เท่ากัน พออุ่นๆเติมน้ำมันยูคาลิบตัส ลงไปคนให้เข้ากันเก็บใส่ขวดที่มีฝาปิด
แค่นี้ก็จะได้โลชั่นที่ลดอาการปวดและคลายเครียดค่ะ เนื่องจากว่า ฝรั่งจะใช้epsom salt แช่ในอ่างอาบน้ำเพื่อรู้สึกผ่อนคลาย แต่กรณีที่ไม่มีอ่างอาบน้ำ สูตรนี้ ก็ช่วยได้นะคะ เป็นโลชั่นที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย และช่วยให้หลับสบายค่ะ
ปล. อย่าใช้ตอนเช้านะคะ อาจจะทำให้ง่วงซึมหลังการใช้ 5555
วันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
สบู่ข้าวโอ๊ต สำหรับสาวๆที่มีสิวที่หลัง ^_^
ข้าวโอ๊ต อาหารเช้าสำหรับสาวๆที่อยู่ในชั่วโมงรีบเร่ง และเด็กน้อยผู้หิวโหย แต่ใครจะไปรู้ล่ะคะว่านอกจากจะเป็นอาหารเช้าที่มีประโยชน์แล้ว ฝรั่งยังเอามาทำสครับขัดผิวได้อีกด้วย สำหรับวันนี้เราจะมาทำสบู่ขัดผิวที่เป็นสบู่ก้อน เพราะสำหรับผลิตภัณฑ์ตัวนี้เราจะเอามาขัดหลังกันค่ะสำหรับสาวๆที่มีหลังที่อุดมไปด้วยสิว 555 มาดูส่วนผสมกันเลยนะคะ
ส่วนผสม
สบู่ก้อนขูดฝอย 2 ถ้วยตวง
ข้าวโอ๊ต 1/4 ถ้วยปั่นให้ละเอียด ถ้าไม่มีเครื่องปั่นตำเอาก็ได้ค่ะ หรือเลวร้ายสุดๆไม่มีอะไรเลยก็เอาแบบปกติเลยค่ะเลือกเอาก้นๆถุงหน่อยเพราะส่วนนั้นจะค่อนข้างป่น
น้ำมันพืช หรือเบบี้ออยล์ 2 ช้อนชา
กลิ่นที่ชอบ
วิธีทำ
ตุ๋นสบู่ในหม้อสองชั้น จนละลาย เอาข้าวโอ๊ต ใส่ลงไปคลุกให้เข้ากันยกลง ใส่น้ำมันพืช คนไปเรื่อยๆจนอุ่นใส่กลิ่น แล้วเทใส่แม่พิมพ์ ถ้าไม่มีใส่ในกล่องพลาสติกก็ได้ค่ะ เมื่อเย็นแล้วสบู่จะกลายเป็นก้อนแข็ง ใช้มีดจุ่มน้ำร้อน แล้วตัดสบู่ออกจากกล่องพลาสติก สามารถเอาไปใช้ได้เลยค่ะ
สบู่สูตรนี้ใช้สำหรับขัดตัวขัดหลัง เพื่อลดการสะสมของเซลล์ผิวที่ตายไปอุดตันรูขุมขนที่หลัง ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดสิวค่ะ
ส่วนผสม
สบู่ก้อนขูดฝอย 2 ถ้วยตวง
ข้าวโอ๊ต 1/4 ถ้วยปั่นให้ละเอียด ถ้าไม่มีเครื่องปั่นตำเอาก็ได้ค่ะ หรือเลวร้ายสุดๆไม่มีอะไรเลยก็เอาแบบปกติเลยค่ะเลือกเอาก้นๆถุงหน่อยเพราะส่วนนั้นจะค่อนข้างป่น
น้ำมันพืช หรือเบบี้ออยล์ 2 ช้อนชา
กลิ่นที่ชอบ
วิธีทำ
ตุ๋นสบู่ในหม้อสองชั้น จนละลาย เอาข้าวโอ๊ต ใส่ลงไปคลุกให้เข้ากันยกลง ใส่น้ำมันพืช คนไปเรื่อยๆจนอุ่นใส่กลิ่น แล้วเทใส่แม่พิมพ์ ถ้าไม่มีใส่ในกล่องพลาสติกก็ได้ค่ะ เมื่อเย็นแล้วสบู่จะกลายเป็นก้อนแข็ง ใช้มีดจุ่มน้ำร้อน แล้วตัดสบู่ออกจากกล่องพลาสติก สามารถเอาไปใช้ได้เลยค่ะ
สบู่สูตรนี้ใช้สำหรับขัดตัวขัดหลัง เพื่อลดการสะสมของเซลล์ผิวที่ตายไปอุดตันรูขุมขนที่หลัง ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดสิวค่ะ
วันเสาร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
สบู่เหลวล้างมือถนอมผิว จากเศษสบู่ก้อน...ง่ายๆด้วยตัวคุณเอง ^_^
สบู่ก้อน เมื่อใช้จนใกล้จะหมดมักจะเหลือทิ้งไว้ บางทีก็เก็บทิ้งลงถังขยะไปเพราะขนาดก้อนเล็กเกิน หรือบางคนใช้สบู่ก้อนล้างมือเพราะราคาถูก แต่ก็รู้สึกว่ามือยังแห้งอยู่ วีนนี้เราจะมาทำสบู่เหลวล้างมือแบบง่ายๆกันค่ะ มาดูส่วนผสมกันเลยค่ะ
ส่วนผสม
เศษสบู่ หรือสบู่ก้อนที่ยังไม่ได้ใช้ ขูดฝอย 2 ถ้วย
น้ำเปล่า 3 ถ้วย
น้ำมันพืช ทำกับข้าว หรือ เบบี้ออยล์ ครึ่งถ้วย
กลิ่น ตามชอบ ถ้าไม่มีอาจจะหั่นเปลือกมะนาวหรือเปลือกส้มสองช้อนโต๊ะใส่ลงไปแทนได้ค่ะ
วิธีทำ
นำสบู่มาผสมน้ำ แช่ข้ามคืน หรือถ้าขี้เกียจรอ ยกตุ๋นในหม้อ สองชั้น ด้วยไฟอ่อนๆ พอละลายเป็นเนื้อเดียวกัน ยกลง คนให้เข้ากันจนสบู่เหลวเริ่มอุ่น เติมน้ำมันลงไป คนจนเป็นเนื้อเดียวกัน สบู่ที่ได้จะขุ่นนะคะ ไม่ใส เพราะเป็นสบู่ก้อนมาก่อน เสร็จแล้วเติมกลิ่นคนให้เข้ากันเทลงในขวดหัวปั๊ม แค่นี้เราก็จะได้สบู่ล้างมือแบบง่ายๆ ใช้แล้วมือยังนุ่มขึ้นด้วยค่ะ หากต้องการขัดมือไปด้วย ให้เทสบู่เหลวลงในมือและตักเกลือป่นลงบนมือ ขัดเบาๆก็จะทำให้มือนุ่มขึ้นกว่าเดิมด้วยค่ะ ประหยัดค่าสบู่เหลวไปได้เยอะค่ะ ^_^
ส่วนผสม
เศษสบู่ หรือสบู่ก้อนที่ยังไม่ได้ใช้ ขูดฝอย 2 ถ้วย
น้ำเปล่า 3 ถ้วย
น้ำมันพืช ทำกับข้าว หรือ เบบี้ออยล์ ครึ่งถ้วย
กลิ่น ตามชอบ ถ้าไม่มีอาจจะหั่นเปลือกมะนาวหรือเปลือกส้มสองช้อนโต๊ะใส่ลงไปแทนได้ค่ะ
วิธีทำ
นำสบู่มาผสมน้ำ แช่ข้ามคืน หรือถ้าขี้เกียจรอ ยกตุ๋นในหม้อ สองชั้น ด้วยไฟอ่อนๆ พอละลายเป็นเนื้อเดียวกัน ยกลง คนให้เข้ากันจนสบู่เหลวเริ่มอุ่น เติมน้ำมันลงไป คนจนเป็นเนื้อเดียวกัน สบู่ที่ได้จะขุ่นนะคะ ไม่ใส เพราะเป็นสบู่ก้อนมาก่อน เสร็จแล้วเติมกลิ่นคนให้เข้ากันเทลงในขวดหัวปั๊ม แค่นี้เราก็จะได้สบู่ล้างมือแบบง่ายๆ ใช้แล้วมือยังนุ่มขึ้นด้วยค่ะ หากต้องการขัดมือไปด้วย ให้เทสบู่เหลวลงในมือและตักเกลือป่นลงบนมือ ขัดเบาๆก็จะทำให้มือนุ่มขึ้นกว่าเดิมด้วยค่ะ ประหยัดค่าสบู่เหลวไปได้เยอะค่ะ ^_^
วันอังคารที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
Eucalyptus shower gel ...สำหรับสาวๆที่กำลังลดน้ำหนัก ^_^
ช่วงนี้คงมีใครอีกหลายๆคนที่อยู่ในช่วงควบคุมอาหาร สำหรับลดส่วนเกินที่ชักจะโผล่มาให้ปวดใจเล่น ซึ่งวิธีของแต่ละคนก็แตกต่างกัน วันนี้แค่อยากนำเสนอ สาวๆที่นิยมงดมื้อเย็น เพื่อควบคุมน้ำหนัก หลายคนอาจจะใช้วิธี นอนแต่หัวค่ำเพื่อจะได้ตื่นมาทานแต่เช้า(ว่าแต่มันจะลดได้ไหมเนี่ย555) แต่สำหรับบางคนที่ท้องร้องจ๊อกๆตอนดึก คงจะทรมานสุดๆ จากประสบการณ์และข้อมูลบางแหล่ง เขาบอกว่า น้ำมันหอมระเหยบางอย่างสามารถช่วยลดความอยากอาหารได้ แค่ได้สูดดม ก็หมดอารมณ์หิวแล้ว หนึ่งในนั้น คือ น้ำมันยูคาลิปตัสที่เราคุ้นเคยกันนั่นเอง ถ้าจะให้สูดดมตลอดเวลาจะกลายเป็นว่าติดยาดม ไปในตัว วันนี้เลยลองมาดัดแปลงเป็นเจลอาบน้ำเพื่อเป็นตัวช่วยให้ร่างกายโอเคขึ้นค่ะ
ส่วนประกอบ
สบู่เหลวกลิ่นอ่อนๆ 1 ถ้วยตวง
น้ำมันยูคาลิบตัส มีขายทั่วไปตามร้านยานะคะ 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
ผสมสบู่กับน้ำมันให้เข้ากันเก็บไว้ในขวดที่มีฝาปิดสนิท ใช้อาบน้ำเวลาก่อนนอน หรือเวลาที่จะต้องรับประทานอาหารเย็น ซึ่งจะช่วยให้อาการอยากอาหารลดลง ถือเป็นตัวช่วยอีกอย่างหนึ่ง ที่ทำให้เราสามารถผ่านพ้นโปรแกรมลดน้ำหนักไปด้วยดี และสูตรนี้ยังเหมาะสำหรับผู้ที่เล่นกีฬาด้วยนะคะ เพราะช่วยลดอาการอักเสบของกล้ามเนื้อด้วยค่ะ แถมอีกนิด ช่วยลดอาการหน้ามืดได้ด้วยค่ะ 5555
ส่วนประกอบ
สบู่เหลวกลิ่นอ่อนๆ 1 ถ้วยตวง
น้ำมันยูคาลิบตัส มีขายทั่วไปตามร้านยานะคะ 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
ผสมสบู่กับน้ำมันให้เข้ากันเก็บไว้ในขวดที่มีฝาปิดสนิท ใช้อาบน้ำเวลาก่อนนอน หรือเวลาที่จะต้องรับประทานอาหารเย็น ซึ่งจะช่วยให้อาการอยากอาหารลดลง ถือเป็นตัวช่วยอีกอย่างหนึ่ง ที่ทำให้เราสามารถผ่านพ้นโปรแกรมลดน้ำหนักไปด้วยดี และสูตรนี้ยังเหมาะสำหรับผู้ที่เล่นกีฬาด้วยนะคะ เพราะช่วยลดอาการอักเสบของกล้ามเนื้อด้วยค่ะ แถมอีกนิด ช่วยลดอาการหน้ามืดได้ด้วยค่ะ 5555
วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
โลชั่นกาแฟ สูตรลดเซลลูไล้ท์......
เรื่องราวของ โลชั่นที่ทำจากกาแฟ ได้นำเสนอไปบ้างแล้ว แต่ยังมีบางท่านติดปัญหาการเตรียมตำรับเนื่องจาก ตำราฝรั่ง เขาจะใช้ emulsifying wax หรือ Bee wax เป็นตัวทำเนื้อครีม สำหรับพวกเราเองก็คงหา ตัวนี้ยากเหมือนกัน วันนี้จะลองมาshare ประสบการณ์ว่า สมมุติว่ามันไม่มีล่ะ เราจะใช้อะไรแถวๆบนโต๊ะเครื่องแป้งบ้าง ออกแนว ขี้เกียจ และ ประหยัด 5555
ส่วนผสม
โลชั่น หรือครีมทาผิว ที่ไม่ใช้แล้ว 1 ถ้วยตวง (ปกติตัวเองเป็นบ่อยค่ะ ซื้อมาแล้วเบื่อ)
กาแฟชงเข้มข้น 2 ช้อนชา+น้ำร้อน ครึ่งถ้วย (ถ้าใช้โลชั่น ใช้น้ำร้อน 1/4 ถ้วย+กาแฟ 1 ช้อนชา
เทกาแฟที่ชงแล้วลงในครีมหรือโลชั่น ค่อยๆเติมแล้วคนให้เข้ากันเป็นครีม เติมกลิ่นตามชอบค่ะ ก็จะได้ โลชั่นกาแฟ จากครีมที่อยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง
วิธีใช้คือ ทาบางๆบริเวณหน้าท้องและ ต้นแขน ต้นขา สังเกตได้ว่าบริเวณดังกล่าวจะค่อยๆfirm ขึ้น แต่ถ้าจะให้เห็นผลเร็วขึ้นให้ลดอาหารที่มีไขมันและแป้งสูง รวมทั้งออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย และอาจใช้สครับกาแฟนวดบริเวณดังกล่าวด้วย เพื่อเห็นผลชัดเจนยิ่งขึ้นค่ะ ^_^
วันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
Foaming honey bath...สบู่บำรุงผิว คุณค่าเต็มๆจากน้ำผึ้ง
น้ำผึ้ง เป็นสิ่งที่หาได้ไม่ง่ายและไม่ยากนัก ซึ่งส่วนใหญ่แทบจะมีติดครัวไว้ เพราะหาซื้อง่าย ทราบไหมคะว่านอกจากน้ำผึ้งเอามาปรุงอาหารได้แล้ว น้ำผึ้งยังมีสารที่มีประโยชน์ต่อผิวพรรณอีกด้วย พบว่าน้ำผึ้งเป็นมอยส์เจอร์ไรเซอร์จากธรรมชาติที่ดี ช่วยสมานผิว และลดอาการอักเสบจากการถูกแดดเผาได้ดีอีกด้วย วันนี้หากคุณต้องทำงานภายใต้แสงแดด อันร้อนแรง มาลองทำสบู่อาบน้ำผสมน้ำผึ้งแบบง่ายๆ กันดีกว่าค่ะ
ส่วนผสม
สบู่เหลวกลิ่นที่ชอบ ครึ่งถ้วย
น้ำมันงา ครึ่งถ้วย
น้ำผึ้ง ครึ่งถ้วย
กลิ่น หรือน้ำมันหอมระเหยที่ชอบ ใช้ในกรณีที่สบู่เหลวไม่มีกลิ่นนะคะ
วิธีทำ
ผสมทุกอย่างให้เข้ากันเก็บไว้ในขวดสบู่เหลว สูตรนี้มีอายุ ประมาณ 1 เดือนค่ะ แต่ถ้าเก็บเข้าตู้เย็นจะมีอายุประมาณ สามเดือน สบู่ตำรับนี้จะลดอาการแสบร้อนจากแดด และบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นด้วยค่ะ รวมทั้งลดการเกิดอาการคล้ำแดดได้เป็นอย่างดี...^_^
ส่วนผสม
สบู่เหลวกลิ่นที่ชอบ ครึ่งถ้วย
น้ำมันงา ครึ่งถ้วย
น้ำผึ้ง ครึ่งถ้วย
กลิ่น หรือน้ำมันหอมระเหยที่ชอบ ใช้ในกรณีที่สบู่เหลวไม่มีกลิ่นนะคะ
วิธีทำ
ผสมทุกอย่างให้เข้ากันเก็บไว้ในขวดสบู่เหลว สูตรนี้มีอายุ ประมาณ 1 เดือนค่ะ แต่ถ้าเก็บเข้าตู้เย็นจะมีอายุประมาณ สามเดือน สบู่ตำรับนี้จะลดอาการแสบร้อนจากแดด และบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นด้วยค่ะ รวมทั้งลดการเกิดอาการคล้ำแดดได้เป็นอย่างดี...^_^
วันพฤหัสบดีที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
มาทำMicrodermabration แบบฉบับ DIY ดีกว่าค่ะ
Microdermabration คือการกรอผิวหน้าด้วยผงอัญมณีขนาดเล็ก เพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิวให้ดูหน้าอ่อนเยาว์ เขาเทียบกับการทำเลเซอร์ว่า ได้ผลในเรื่องริ้วรอย ใกล้เคียงกัน และช่วยลดรอยแตกลายตามร่างกายได้พอๆกัน แต่ดีกว่าทำเลเซอร์คือ เจ็บน้อยกว่า ปลอดภัยมากกว่า ผิวบอบช้ำน้อยกว่า และสามารถทำได้บ่อยกว่า แต่ดูๆไปแล้ว มันก็คือการขัดผิวนั่นแหล่ะค่ะ ให้ผิวชั้นบนหลุดลอกออกไป เห็นราคาตามคลินิกเสริมความงามก็แพงโขอยู่ เลยแอบไปดูฝรั่ง ผู้คิดค้นดูซิว่า จะขี้เหนียวแบบ เรามั่งรึเปล่า เขาก็มีความเห็นนะคะว่าจริงๆมันก็ไม่ได้ต่างจากสครับเท่าไหร่หรอก เพียงแต่มันเห็นผลทันใจกว่าเท่านั้นเอง ว่าแล้วก็จัดแจงเลย มีอะไรในครัวที่เอามาทำ DIY Microdermabration ที่ใช้เวลามากกว่าแต่ทำบ่อยๆก็หน้าอ่อนวัยเช่นกัน และที่สำคัญ ราคาไม่ต้องไปคิดค่ะ มันจิ๊บๆจริงๆ
ส่วนผสม
1. ผงฟู 1 ช้อนโต๊ะ
2. น้ำสะอาด 1 ช้อนโต๊ะ
3. น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
นำทุกอย่างมาผสมกันจนออกเป็นโคลน ล้างหน้าให้สะอาด ใช้ตัวโคลนป้ายทั่วหน้าแล้วก็นวดเบาๆ จนเริ่มแห้ง แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น ทำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เป็นงัยละคะ ได้ผลเหมือนกันแถมไม่ต้องเสียเงินเยอะแยะ สบายหน้าและสบายใจ ที่สวยได้ในราคาสุดถูก ^_^
วันพุธที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
Lemon facial scrub สครับขัดหน้ามะนาว
ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มาจากมะนาว สำหรับสาวๆที่อยากหน้าขาวใส แต่ไม่อยากเสียเวลาทุกวันในการดูแลผิว วันนี้จะนำเสนอสครับขัดหน้าที่ไม่ต้องใช้ทุกวัน ใช้แค่สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ครั้งละ 1-2 นาที ก็ช่วยเพิ่มความกระจ่างใสให้ใบหน้าได้
ส่วนผสม
เบบี้ครีม 2 ช้อนโต๊ะ
มะนาวบดละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
กลีเซอรีน 1 ช้อนชา ถ้าไม่มีใช้น้ำผึ้งแทนก็ได้ค่ะ
วิธีทำ
ผสมทุกอย่างให้เข้ากัน แล้วล้างหน้าให้สะอาด ทาสครับที่ได้ลงไป นวด วนไปทั่วหน้าประมาณ 1-2 นาที ถ้าขี้เกียจดูนาฬิกาก็นับหนึ่งถึงร้อย ครบแล้วก็ล้างหน้าอีกครั้ง เป็นอันเสร็จ ค่ะ หลังการใช้จะพบว่า หน้าจะนุ่มขึ้น และดูกระจ่างใสขึ้น สำหรับสาวคนไหนอยากให้เห็นผลไวขึ้นสามารถขัดหน้าวันเว้นวันได้นะคะ แต่ถ้ามีสิว ให้งดใช้เพราะจะทำให้ผิวอักเสบมากขึ้นค่ะ เมื่อสิวยุบแล้วให้ใช้ต่อได้ค่ะ ^_^
ส่วนผสม
เบบี้ครีม 2 ช้อนโต๊ะ
มะนาวบดละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
กลีเซอรีน 1 ช้อนชา ถ้าไม่มีใช้น้ำผึ้งแทนก็ได้ค่ะ
วิธีทำ
ผสมทุกอย่างให้เข้ากัน แล้วล้างหน้าให้สะอาด ทาสครับที่ได้ลงไป นวด วนไปทั่วหน้าประมาณ 1-2 นาที ถ้าขี้เกียจดูนาฬิกาก็นับหนึ่งถึงร้อย ครบแล้วก็ล้างหน้าอีกครั้ง เป็นอันเสร็จ ค่ะ หลังการใช้จะพบว่า หน้าจะนุ่มขึ้น และดูกระจ่างใสขึ้น สำหรับสาวคนไหนอยากให้เห็นผลไวขึ้นสามารถขัดหน้าวันเว้นวันได้นะคะ แต่ถ้ามีสิว ให้งดใช้เพราะจะทำให้ผิวอักเสบมากขึ้นค่ะ เมื่อสิวยุบแล้วให้ใช้ต่อได้ค่ะ ^_^
ลดฝ้าหน้าขาวใสด้วย...มะนาว
ถามไถ่กันมาเยอะมาก สำหรับฝ้าและกระ ว่าจะทำให้มันลดลงได้อย่างไร สังเกตได้ว่าบางบริษัทลงทุนโฆษณาผลิตภัณฑ์ด้วยงบหลายล้านบาท ทั้งๆที่สินค้าไม่ได้เลิศหรูอะไร สงสัยอยู่นิดๆว่าที่ราคาแพง เพราะค่าโฆษณา หรือเปล่า 555 วันนี้เรามาลองดูซิว่าอะไรในตู้เย็นของเรา หรือแม้แต่ในร้านขายผักข้างบ้าน มี พืชชนิดไหน ช่วยลดจุดด่างดำบนใบหน้าคุณได้บ้าง นั่นคือ ....มะนาว ค่ะ จริงๆแล้วมีพืชตั้งหลายอย่าง แต่ช่วงนี้มะนาวเริ่มราคาถูก หาได้ง่ายมาก อุดมไปด้วย AHA และวิตามินซี สูง ซึ่ง AHA จะช่วยผลัดเซลล์ผิว และวิตามินซียังช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีผิวที่เรียกว่าเมลานินอีกด้วยวันนี้เรามาลองทำผลิตภัณฑ์ดูแลผิวลดฝ้าและกระด้วยมะนาวกันดีกว่าค่ะ
เจลล้างหน้ามะนาว
ส่วนผสม
สบู่เหลวเด็กอ่อน 1 ถ้วย
มะนาวครึ่งผล บดหรือหั่นให้ละเอียด
กลีเซอรีน 1 ช้อนชา
วิธีทำ
ผสมทุกอย่างให้เข้ากันถ้ามะนาวที่ใช้เป็นแบบหั่นพยายามใช้ช้อนบี้ให้มะนาวเละๆเพื่อให้วิตามินซีและน้ำมันหอมระเหยในมะนาวออกมาให้มากที่สุด เก็บในกระปุกหรือขวดแก้วสีชา เก็บไว้ในตู้เย็น จะเก็บเจลล้างหน้าได้ 1 สัปดาห์ ใช้ล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง จะช่วยให้จุดด่างดำลดลงภายใน1 เดือน
ซีรั่มมะนาว (ลดฝ้า กระ)
ส่วนผสม
กลีเซอรีน 2 ช้อนโต๊ะ
มะนาว ครึ่งผล คั้นเอาแต่น้ำ
วิธีทำ
นำมาผสมให้เข้ากัน เก็บไว้ในขวดแก้วสีชาเก็บในตู้เย็นจะมีอายุ 1 สัปดาห์ วิธีใช้คือ ทาซีรั่มก่อนนอน หรือทาเฉพาะจุด เพื่อลดรอยด่างดำ ใช้ต่อเนื่องจะเริ่มเห็นผลประมาณ สองสัปดาห์ สังเกตได้ว่าหน้าจะกระจ่างใส
ครีมลดฝ้าสูตรมะนาว
ส่วนผสม
เบบี้ครีม 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
กลีเซอรีน 1 ช้อนชา
วิธีทำ
เทครีมลงบนหม้อสองชั้นให้ครีมเริ่มอ่อนตัวผสมทุกอย่างเข้าด้วยกัน ยกลงเทลงในกระปุก เก็บไว้ในตู้เย็น มีอายุประมาณ สองสัปดาห์ ใช้ทาทั่วหน้า ก่อนนอน
สำหรับระหว่างวันอย่าลืมใช้ครีมกันแดดที่มีค่าSPF ไม่ต่ำกว่า 30 เพื่อป้องกันไม่ให้หน้าหมองคล้ำด้วยนะคะถ้าหากใช้แล้วเกิดการระคายเคือง อาจจะใช้วันเว้นวันแทน ค่ะ
วันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
เจลอาบน้ำประจำเดือนเกิด ธาตุดิน ตอนที่ 5
สำหรับผู้ที่เกิดในเดือน พฤศจิกายน ธันวาคม และมกราคม ถือว่าเป็นคนธาตุดิน มักจะมีปัญหาในเรื่อง น้ำหนักตัว และ การเผาผลาญต่ำ ดังนั้นจึงต้องใช้น้ำมันหอมระเหยที่ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญ ส่วนผสมของ เจลอาบน้ำมีดังต่อไปนี้
1. สบู่เหลวแบบไม่มีกลิ่น 1 ถ้วย
2. น้ำมันหอมระเหยกลิ่น cinnamon 10 หยด
3.น้ำต้มไพล 2 ช้อนชา
4. น้ำมันแฝกหอม 3 หยด
5. เกลือป่น 1 ช้อนชา
นำมาผสมให้เข้ากัน สำหรับเจลอาบน้ำธาตุดินจะมีกลิ่นรวมกันออกไปทางกลิ่นดิน จะดูแปลกๆกว่ากลิ่นของธาตุอื่นๆ แต่จะช่วยให้การทำงานของระบบเผาผลาญดีขึ้นค่ะ ลองเอาไปใช้กันดูนะคะ บางกลิ่นถ้าหาไม่ได้ไม่ต้องใส่ค่ะ ขอแค่มีกลิ่นใดกลิ่นหนึ่งก็พอแล้ว สามารถเพิ่มปริมาณขึ้นมาอีกนิดหน่อยค่ะ
เจลอาบน้ำประจำเดือนเกิด ธาตุน้ำ ตอนที่ 4...
สำหรับคนธาตุน้ำ คือ ผู้ที่เกิดในเดือน สิงหาคม กันยายน ตุลาคม คนกลุ่มนี้มักจะประสบปัญหาเรื่อง ความดันโลหิตสูง จึงต้องใช้น้ำมันหอมระเหยที่ช่วยลดความดันโลหิต ซึ่งมักจะเป็นน้ำมันที่ได้จากดอกไม้ทั้งหลาย ส่วนประกอบของเจลอาบน้ำจึงมีดังนี้ค่ะ
1. สบู่เหลว ไม่มีกลิ่น 1 ถ้วย
2. น้ำมันหอมระเหยกลิ่น มะลิ 5 หยด
3. น้ำมันหอมระเหยกลิ่น กระดังงา 5 หยด
4. เกลือป่น 1 ช้อนชา
ผสมสารทุกอย่างให้เข้ากันค่ะ ก็จะได้เจลอาบน้ำธาตุน้ำ ข้อควรระวัง อย่าใช้ในคนธาตุไฟนะคะ เพราะจะทำให้ความดันลดลงอีก สังเกตง่ายๆว่าคนธาตุไฟเมื่อดมกลิ่นดอกไม้พวกนี้จะรู้สึกเวียนศีรษะค่ะ ...
1. สบู่เหลว ไม่มีกลิ่น 1 ถ้วย
2. น้ำมันหอมระเหยกลิ่น มะลิ 5 หยด
3. น้ำมันหอมระเหยกลิ่น กระดังงา 5 หยด
4. เกลือป่น 1 ช้อนชา
ผสมสารทุกอย่างให้เข้ากันค่ะ ก็จะได้เจลอาบน้ำธาตุน้ำ ข้อควรระวัง อย่าใช้ในคนธาตุไฟนะคะ เพราะจะทำให้ความดันลดลงอีก สังเกตง่ายๆว่าคนธาตุไฟเมื่อดมกลิ่นดอกไม้พวกนี้จะรู้สึกเวียนศีรษะค่ะ ...
เจลอาบน้ำประจำเดือนเกิด ธาตุลม ตอนที่ 3
สำหรับคนที่อยู่ในธาตุลม คือผู้ที่เกิดในเดือน พฤษภาคม มิถุนายน และ กรกฎาคม มักจะมีปัญหาด้านระบบย่อยอาหาร กระเพาะมักจะมีลมอยู่เยอะ ดังนั้นน้ำมันหอมระเหยที่ใช้ได้จะต้องมีฤทธิ์ขับลมได้ค่ะ มาดูส่วนผสมกันว่ามีอะไรบ้าง
1. สบู่เหลวแบบไม่มีกลิ่น หรือ หัวแชมพู 1 ถ้วย
2. น้ำมันหอมระเหยกลิ่นส้ม 10 หยด
3. น้ำมันหอมระเหยกลิ่นเปปเปอร์มินต์ 10 หยด
4. น้ำมันหอมระเหยกลิ่นตระไคร้ 5 หยด
5. เกลือป่น 1 ช้อนชา
ผสมทุกอย่างให้เข้ากันก็จะได้เจลอาบน้ำสำหรับคนธาตุลม เอาไปอาบแก้ท้องอืด อาหารไม่ย่อยกันค่ะ ...
วันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
เจลอาบน้ำประจำเดือนเกิด ธาตไฟ ตอนที่ 2
สำหรับคนที่อยู่ธาตุไฟ คือคนที่เกิดในเดือน กุมภาพันธ์ มีนาคม เมษายน จะพบว่ามีปัญหาคือ ปวดศีรษะบ่อยๆ นั่นเป็นเพราะว่าลักษณะประจำธาตุ คือ ความดันโลหิตต่ำ เลือดจึงไปเลี้ยงสมองได้ไม่ค่อยดี และเป็นคนที่มีความเครียดสูง ดังนั้นกลิ่นที่ช่วยบำบัดอาการเหล่านี้ ได้แก่ ยูคาลิปตัส การบูร พิมเสน เมนทอล ทีทรี ขิง สน โรสแมรี่
สำหรับเจลอาบน้ำสำหรับคนธาตุไฟ ก็จะมีส่วนประกอบดังนี้
1. หัวแชมพู หรือสบู่เหลวแบบไม่มีกลิ่น 1 ถ้วย (ถ้าใช้หัวแชมพูต้องผสมน้ำในอัตราส่วน 1:1ก่อนนะคะ ไม่งั้นจะเข้มข้นเกินไป)
2. น้ำขิง 2 ช้อนโต๊ะ
3. น้ำมันหอมยูคาลิปตัส 10 หยด
4. เมนทอล 2-3 เกล็ด
5. เกลือป่น 1 ช้อนชา
นำทุกอย่างมาผสมกัน ก็จะได้สบู่ธาตุไฟ สามารถใช้อาบน้ำได้ทุกวันค่ะ หรือวันไหนที่รู้สึกปวดศีรษะ หรือว่าเครียดก็สามารถใช้ได้ เพราะจะช่วยกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้นค่ะ ^_^
สำหรับเจลอาบน้ำสำหรับคนธาตุไฟ ก็จะมีส่วนประกอบดังนี้
1. หัวแชมพู หรือสบู่เหลวแบบไม่มีกลิ่น 1 ถ้วย (ถ้าใช้หัวแชมพูต้องผสมน้ำในอัตราส่วน 1:1ก่อนนะคะ ไม่งั้นจะเข้มข้นเกินไป)
2. น้ำขิง 2 ช้อนโต๊ะ
3. น้ำมันหอมยูคาลิปตัส 10 หยด
4. เมนทอล 2-3 เกล็ด
5. เกลือป่น 1 ช้อนชา
นำทุกอย่างมาผสมกัน ก็จะได้สบู่ธาตุไฟ สามารถใช้อาบน้ำได้ทุกวันค่ะ หรือวันไหนที่รู้สึกปวดศีรษะ หรือว่าเครียดก็สามารถใช้ได้ เพราะจะช่วยกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้นค่ะ ^_^
เจลอาบน้ำประจำเดือนเกิด ตอนที่ 1 ^_^
การเลือกครีมอาบน้ำให้กับตัวคุณเอง คุณมีหลักในการเลือกยังไงกันบ้างคะ คำถามนี้ ส่วนใหญ่ก็คงตอบกันที่ ก็แล้วแต่กลิ่นที่ตัวเองชอบ แหล่ะ แต่เคยสังเกตไหมคะว่า กลิ่นบางกลิ่นของสบู่ที่เราชอบ หากเอาให้เพื่อนดม บางคนก็ไม่ชอบบอกว่าเหม็น อย่างเพิ่งไปเถียงกันอย่างเอาเป็นเอาตายเลยนะคะ มันมีที่มาค่ะ ว่าทำไมแต่ละคนมีความรู้สึกต่อกลิ่นเดียวกัน ได้แตกต่างกัน ตามหลักการแพทย์แผนไทย และศาสตร์ของAroma เขาระบุไว้ว่า แต่ละคนแตกต่างกันตามช่วงเวลาที่เกิดแตกต่างกัน ดังนั้นการที่จะชอบกลิ่นอะไร ไม่ชอบกลิ่นอะไร ก็ย่อมแตกต่างกันไปด้วย และได้จำแนก ตามธาตุเอาไว้อยู่ 4 ธาตุ คือ
1. ธาตุไฟ - ผู้ที่เกิดในเดือน กุมภาพันธ์-เมษายน
2. ธาตุลม - ผู้ที่เกิดในเดือน พฤษภาคม-กรกฎาคม
3. ธาตุน้ำ - ผู้ที่เกิดในเดือน สิงหาคม-ตุลาคม
4. ธาตุดิน - ผู้ที่เกิดในเดือน พฤศจิกายน-มกราคม
แต่ละธาตุก็สามารถอธิบายลักษณะทางสุขภาพที่เป็นลักษณะประจำตัวไว้อีกคร่าวๆ นะคะ
1. ธาตุไฟ - มีนิสัย ใจร้อน ชอบเอาชนะ โกรธง่าย หายเร็ว แต่อาฆาตแรง มักมีปัญหาสุขภาพ คือ ปวดศีรษะ ความดันต่ำ เป็นลมหน้ามืดง่าย เป็นไมเกรนบ่อยๆ ร้อนใน ผมหงอกเร็ว ทนร้อนไม่ค่อยได้ มีปัญหาในระบบประสาทและสมอง
2. ธาตุลม - มีนิสัย เอาแต่ใจตัวเอง แต่ไม่ค่อยแสดงออก ดื้อเงียบ มีความลังเลสูง มักมีปัญหาสุขภาพ คือ อาหารไม่ย่อย ท้องอืด ท้องเสีย หรือท้องผูก บ่อยๆ มักจะมีปัญหาในระบบ การย่อย และ ระบบข้อและกล้ามเนื้อ เสมอ
3. ธาตุน้ำ - มีนิสัย คิดมาก เก็บกด อดทนสูง เยือกเย็น และค่อนข้างเอื่อยเฉื่อย ใจเย็น มักมีปัญหาสุขภาพคือ ความดันสูง มีปัญหากับระบบหลอดเลือดและหัวใจ
4. ธาตุดิน - มีนิสัย กล้าได้กล้าเสีย จริงใจ เปิดเผย มักมีปัญหาสุขภาพ คือ อ้วนง่าย ลดน้ำหนักยาก มีปัญหาในระบบต่อมไร้ท่อ และฮอร์โมน
ดังนั้นการเลือกสบู่ในกลิ่นที่เหมาะกับธาตุจะทำให้ช่วยลดปัญหาสุขภาพบางอย่างได้ ตอนต่อไปเราจะมาดูว่า แต่ละธาตุ ควรจะใช้สบู่กลิ่นอะไรค่ะ ......
วันพฤหัสบดีที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2555
Detox toner ...โทนเนอร์สำหรับสาว office ที่ชอบแต่งหน้าจัด
สำหรับสาวๆ office ทั้งหลาย ที่ต้องแต่งหน้าทุกวัน และสาวๆที่ต้องแต่งหน้าแบบจัดเต็ม อาจจะกังวลใจว่าเครื่องสำอางค์ที่แต่งทุกวัน จะเป็นสาเหตุที่หน้าจะไปก่อนวัยอันควร หรือเปล่า... ในความเป็นจริงแล้ว ใช่ค่ะ โดยเฉพาะเครื่องสำอางค์ที่กันน้ำ ซึ่งปกติล้างออกค่อนข้างยาก มักจะตกค้างและสะสมอยู่บนใบหน้า ซึ่งเรามองไม่เห็น แต่สามารถเป็นสาเหตุให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้าได้เหมือนกัน วันนี้จะแนะนำ Detox toner สำหรับล้างสารต่างๆที่ตกค้างอยู่บนหน้าโดยไม่ต้องใช้แอลกอฮอล์ค่ะ
1. ชาเขียว 2 ช้อนโต๊ะ
2.น้ำร้อนจัด 1 แก้ว
วิธีทำคือ แช่ชาเขียวลงในน้ำร้อนจัด 15-20 นาที แล้วแยกเอากากออก ทิ้งไว้ให้เย็น นำมาใส่ขวดสะอาดที่มีฝาปิดสนิท แค่นี้เราก็จะได้ Toner ที่พร้อมสำหรับล้างสารตกค้างที่อยู่บนผิวค่ะ สำหรับสาวๆที่สิวเยอะ อาจจะหยด Teatree oil ลงไปซัก 1-2 หยดนะคะ จะได้ฆ่าเชื้อแบคทีเรียบนหน้าได้ด้วยค่ะ ตำรับนี้ใช้ได้ทั้ง เช้า-เย็น และเมื่อเก็บไว้ในตู้เย็นมีอายุ 3 วัน ตำรับนี้เหมาะสำหรับทุกสภาพผิวค่ะ ขอให้มีความสุขกับการดูแลผิวนะคะ ^_^
1. ชาเขียว 2 ช้อนโต๊ะ
2.น้ำร้อนจัด 1 แก้ว
วิธีทำคือ แช่ชาเขียวลงในน้ำร้อนจัด 15-20 นาที แล้วแยกเอากากออก ทิ้งไว้ให้เย็น นำมาใส่ขวดสะอาดที่มีฝาปิดสนิท แค่นี้เราก็จะได้ Toner ที่พร้อมสำหรับล้างสารตกค้างที่อยู่บนผิวค่ะ สำหรับสาวๆที่สิวเยอะ อาจจะหยด Teatree oil ลงไปซัก 1-2 หยดนะคะ จะได้ฆ่าเชื้อแบคทีเรียบนหน้าได้ด้วยค่ะ ตำรับนี้ใช้ได้ทั้ง เช้า-เย็น และเมื่อเก็บไว้ในตู้เย็นมีอายุ 3 วัน ตำรับนี้เหมาะสำหรับทุกสภาพผิวค่ะ ขอให้มีความสุขกับการดูแลผิวนะคะ ^_^
วันพุธที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2555
Toner กระชับผิว...สิ่งดีๆที่ได้จากธรรมชาติ :)
หลังจากที่เราแบกหน้าออกไปผจญภัยโลกภายนอกมาทั้งวัน ถึงเวลาแล้วที่หน้าจะได้รับการผ่อนคลายบ้าง เมื่อล้างหน้าเสร็จแล้วก็ต้องใช้Toner ปรับสภาพผิว เพื่อกระชับรูขุมขน และเพิ่มมอยส์เจอไรเซอร์ให้ผิว ผิวจะได้ชุ่มชื้น และดูอ่อนใส ยังไงล่ะคะ วันนี้มีตำรับToner ที่เหมาะสำหรับทุกสภาพผิวมาฝากกันค่ะ เตรียมดอกกุหลาบสีชมพูมาซัก 5-6 ดอก เป็นไปได้ควรจะปลอดยาฆ่าแมลงนะคะ ดูได้ว่ามีรอยหนอนกัดไหม ถ้าสวยมากจะดูไม่ปลอดภัยค่ะ เสร็จแล้วล้างดอกกุหลาบให้สะอาด เด็ดออกมาทีละกลีบจนหมด แล้วใส่ลงไปในหม้อสองชั้น เติมน้ำให้พอท่วม แล้วตั้งไฟอ่อน ดูจนดอกกุหลาบสีซีด แล้วยกลงค่ะ อย่าต้มโดยตรงนะคะ ไม่งั้นวิตามินหายหมด555 ทิ้งไว้ให้เย็น เก็บใส่ขวดที่สะอาดปิดฝาเข้าตู้เย็น ค่ะ เราก็จะได้Toner ที่เรียกว่า Rosewater toner ซึ่งเป็นตัวที่เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวดูอ่อนวัย โดยไม่ต้องไปพึ่ง SK II เลยล่ะค่ะ ตำรับนี้เก็บในตู้เย็นจะมีอายุ 10 วัน ลองใช้ดูนะคะ ทำง่ายๆแต่ได้ของที่ดีค่ะ .^_^
โลชั่นกันแดดราคาประหยัดที่ทำง่ายที่สุดในโลก ^_^
เคยสงสัยไหมคะว่าครีมกันแดดที่ใช้อยู่ทุกวันนี้มีค่า SPF เท่ากับที่ระบุไว้บนฉลากไหม และใครจะมาตรวจสอบให้เราได้บ้าง ตอบได้เลยค่ะว่ายาก ส่วนใหญ่เท่าที่ทราบมาค่าSPF ที่ระบุบนฉลากมักจะสูงกว่าที่มีในผลิตภัณฑ์ ดังนั้นปลอดภัยสุดๆคือการเลือกSPF สูงๆเข้าไว้เดี๋ยวมันก็กันได้เองแหล่ะ 555 แต่ว่าครีมกันแดดที่ SPF สูงๆนี่สิคะ ราคามันก็สูงลิ่วไปตามค่าSPFอีกต่างหาก ด้วยความงกส่วนตัว และความกลัวว่าจะแพ้สารเคมีมันปะปนกัน ก็เลยไปค้นดูว่า พวกฝรั่งที่ขี้กลัวกว่าเรา เขาใช้อะไรกัน พบว่ามีสารอยู่ตัวหนึ่งที่เขาเรียกว่าเป็นสารกันแดดแบบ Physical คือไม่ดูดซึมเข้าสู่ผิว และไม่เกิดการระคายเคืองผิว หนำซ้ำยังช่วยปกป้อง ทั้ง UV A& UV B เป็นอย่างดี นั่นคือ Zinc Oxide ค่ะ และไม่ต้องไปหาแบบmicronizeให้เปลืองเงินนะคะ ใช้แบบธรรมดานี่แหล่ะค่ะ เท่าที่ทราบนี่ตอนนี้ตัวนี้มีขายทั่วไปในร้านเคมีภัณฑ์ ค่ะ วันนี้เราจะมาทำ โลชั่นกันแดด SPF 30 มาใช้กัน ไปดูสูตรเลยค่ะ 1. Zinc Oxide 30 กรัม
2. โลชั่นทาตัวกลิ่นที่ชอบ ขออย่าให้มีน้ำมันที่มาจากส้มผสมอยู่นะคะ เพราะจะทำให้ผิวคล้ำง่ายค่ะ ประมาณ 70 กรัม
วิธีทำง่ายมากค่ะ ผสมรวมกันเลย แค่นี้ก็จะได้โลชั่นกันแดดแบบของเราที่ SPF สูงสมใจ อันนี้ไม่ได้โม้นะคะ เพราะเขาพิสูจน์แล้วว่า 1%ของ Zinc Oxide จะเทียบเท่ากับ 1 SPF จริงๆ
ส่วนใครที่ไม่มีZinc Oxide หาซื้อไม่ได้ ใช้ครีมกันผื่นผ้าอ้อมของเด็กเล็กๆที่เหลือใช้ก็ได้ค่ะ ตัวนั้นมีZinc oxide ประมาณ 40% ซึ่งถ้าจะเอามาทำในสูตรด้านบน ต้องใช้ ครีมกันผื่นผ้าอ้อม 75 กรัมค่ะ ซึ่งต้องลดตัวโลชั่นลงเหลือ 25 กรัม ซึ่ง มันอาจจะทำให้รู้สึกเหนอะหนะกว่าใช้Zinc oxide เปล่าๆ แต่อาจจะลองปรับตามสูตรด้านล่างนี้ดูนะคะ
1. ครีมกันผื่นผ้าอ้อม 75 กรัม
2. น้ำต้มสุกที่อุ่นๆ 25 กรัม
3. น้ำมันหอมระเหยที่ชอบเพื่อเพิ่มกลิ่นให้หอม 10 หยด
ผสมทุกอย่างให้เข้ากันคนจนเป็นเนื้อเดียว ก็จะได้โลชั่นกันแดดอีกแบบหนึ่งที่เป็น กลิ่นของคุณเองโดยเฉพาะค่ะ :)
2. โลชั่นทาตัวกลิ่นที่ชอบ ขออย่าให้มีน้ำมันที่มาจากส้มผสมอยู่นะคะ เพราะจะทำให้ผิวคล้ำง่ายค่ะ ประมาณ 70 กรัม
วิธีทำง่ายมากค่ะ ผสมรวมกันเลย แค่นี้ก็จะได้โลชั่นกันแดดแบบของเราที่ SPF สูงสมใจ อันนี้ไม่ได้โม้นะคะ เพราะเขาพิสูจน์แล้วว่า 1%ของ Zinc Oxide จะเทียบเท่ากับ 1 SPF จริงๆ
ส่วนใครที่ไม่มีZinc Oxide หาซื้อไม่ได้ ใช้ครีมกันผื่นผ้าอ้อมของเด็กเล็กๆที่เหลือใช้ก็ได้ค่ะ ตัวนั้นมีZinc oxide ประมาณ 40% ซึ่งถ้าจะเอามาทำในสูตรด้านบน ต้องใช้ ครีมกันผื่นผ้าอ้อม 75 กรัมค่ะ ซึ่งต้องลดตัวโลชั่นลงเหลือ 25 กรัม ซึ่ง มันอาจจะทำให้รู้สึกเหนอะหนะกว่าใช้Zinc oxide เปล่าๆ แต่อาจจะลองปรับตามสูตรด้านล่างนี้ดูนะคะ
1. ครีมกันผื่นผ้าอ้อม 75 กรัม
2. น้ำต้มสุกที่อุ่นๆ 25 กรัม
3. น้ำมันหอมระเหยที่ชอบเพื่อเพิ่มกลิ่นให้หอม 10 หยด
ผสมทุกอย่างให้เข้ากันคนจนเป็นเนื้อเดียว ก็จะได้โลชั่นกันแดดอีกแบบหนึ่งที่เป็น กลิ่นของคุณเองโดยเฉพาะค่ะ :)
วันจันทร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2555
Easy Cleansing wipe ทำเองก็ได้ง่ายจัง....
มีใครชอบใช้กระดาษเช็ดหน้าแบบเปียกบ้างคะ จะเห็นว่า สินค้าตัวนี้เริ่มมีบทบาทสำคัญกับผู้หญิงเรา เนื่องจากว่าสะดวกและใช้เช็ดคราบเครื่องสำอางค์แบบกันน้ำได้หมดจด รวมทั้งพกพาค่อนข้างสะดวกด้วยค่ะ วันนี้มีสูตรการทำกระดาษเช็ดหน้าแบบง่ายๆ เป็นสูตร alcohol free ด้วยนะคะ
1. เบบี้โลชั่น 1 ถ้วยตวง
2. น้ำต้มสุกที่อุ่น 1/2 ถ้วยตวง
3. กลิ่นตามชอบค่ะ หรือว่่าไม่ต้องใส่ก็ได้
2. เจลว่านหางจรเข้ ขององค์การเภสัช 1 ช้อนชา
นำส่วนผสมทุกอย่างมาผสมให้เข้ากัน จะได้สารละลายขุ่นๆแช่สำลีแผ่นลงไปจนสำลีซับสารละลายจนหมด ลักษณะของสำลีจะเปียกแต่ไม่ต้องโชกมากค่ะ เก็บไว้ในตู้เย็นในกล่องพลาสติกใสที่มีฝาปิด เวลาใช้ก็สามารถใช้ได้ทันทีค่ะ และสามารถเก็บไว้ได้นานประมาณ 1 เดือน อยากพิ่มสารตัวไหนที่ช่วยบำรุงผิวก็สามารถเติมลงไปได้นะคะ เช่น วิตามิน อี, วิตามิน ซี, หรือชาเขียว ก็ช่วยทำให้ผิวมีสุขภาพดีได้ด้วยค่ะ ^_^
วันอาทิตย์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2555
Mojito sasa scrub สำหรับคนรัก SPY....
เพิ่งได้อ่านเมล พบว่าตอนนี้ SPY เขาออกค็อกเทลตัวใหม่ ที่ชื่อว่า Mojito แต่ดันอ่านว่า โมฮิโต้ ไม่รู้ว่าใส่ตัว j ไปทำไม (สงสัยใส่ไว้ให้ถาม 5555) มันมีstory อยู่นะคะว่า เป็นเครื่องดื่มที่นิยมดื่มกันในลาตินอเมริกา เอ่อ วันนี้ เลยได้ไอเดียเริ่ดๆ มาจับทำสครับ สไตล์ Mojito Sasa Scrub เรย อิๆๆ
ส่วนผสม
1. มะนาว ครึ่งผล หั่นซีกเลยค่ะ
2. ใบสะระแหน่ สดๆ 1 กำมือ
3. น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
4. น้ำมันพืชหรือเบบี้ออยล์
5. สบู่เหลวกลิ่นอ่อนๆ 1/2 ถ้วยค่ะ
เริ่มที่ เอามะนาวกับใบสะระแหน่มาบดรวมกันให้ละเอียด หากไม่มีเครื่องปั่นก็ซอยหั่นเป็นชิ้นเล็กๆค่ะ นำทุกอย่างคลุกรวมกันในชามถ้าดูเหลวไปให้เติมน้ำตาลทรายจนข้น เทใส่โถที่มีฝาปิดสนิท เก็บไว้ในตู้เย็นค่ะ เวลาใช้ก็ใช้อาบน้ำพร้อมขัดตัวไปด้วย มะนาวและสะระแหน่ จะช่วยให้รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ตำรับนี้จึงเหมาะสำหรับคนเมาค้างค่ะ แต่สำหรับขัดตัวนะคะ ไม่ได้เอามากิน 55555+
ส่วนผสม
1. มะนาว ครึ่งผล หั่นซีกเลยค่ะ
2. ใบสะระแหน่ สดๆ 1 กำมือ
3. น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
4. น้ำมันพืชหรือเบบี้ออยล์
5. สบู่เหลวกลิ่นอ่อนๆ 1/2 ถ้วยค่ะ
เริ่มที่ เอามะนาวกับใบสะระแหน่มาบดรวมกันให้ละเอียด หากไม่มีเครื่องปั่นก็ซอยหั่นเป็นชิ้นเล็กๆค่ะ นำทุกอย่างคลุกรวมกันในชามถ้าดูเหลวไปให้เติมน้ำตาลทรายจนข้น เทใส่โถที่มีฝาปิดสนิท เก็บไว้ในตู้เย็นค่ะ เวลาใช้ก็ใช้อาบน้ำพร้อมขัดตัวไปด้วย มะนาวและสะระแหน่ จะช่วยให้รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ตำรับนี้จึงเหมาะสำหรับคนเมาค้างค่ะ แต่สำหรับขัดตัวนะคะ ไม่ได้เอามากิน 55555+
วันเสาร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2555
ขาวใสไปกับสครับมะเฟืองขัดผิว....
มะเฟืองเป็นพืชที่เราพบเห็นทั่วๆไป และราคาก็ยังถูกแสนถูก โดยเฉพาะมะเฟืองเปรี้ยว คงไม่ค่อยมีใครชอบทานมากเท่ากับมะเฟืองหวาน แต่ทราบไหมคะว่าในมะเฟืองอุดมไปด้วยวิตามินซีสูงรวมทั้งมีสารพวกantioxidant ที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย และมักจะมีปริมาณสูงในมะเฟือง จะเห็นได้ว่าเริ่มมีสินค้ากลุ่มโทนเนอร์ที่ผสมสารสกัดจากมะเฟือง ในการปรับสภาพผิว ส่วนในวันนี้จะเสนอการทำสครับมะเฟือง ที่ใช้ขัดผิวให้ขาวใส และไม่ยุ่งยากในการปรนนิบัติผิวคุณด้วยค่ะ
ส่วนประกอบ
1. เกลือป่น หนึ่งถ้วยตวง
2. สบู่เหลวกลิ่นที่ชอบ ครึ่งถ้วยตวง
3. น้ำมะเฟืองคั้นสดๆ 1/4 ถ้วยตวง
4. กลีเซอรีน 2 ช้อนโต๊ะ
5. น้ำมันพืช หรือbaby oil 1 ช้อนโต๊ะ
ผสมทุกอย่างให้เข้ากันในชามถ้าส่วนผสมเหลวไปให้เติมเกลือป่นเพิ่มจนได้ความข้นตามต้องการ เราก็จะได้สครับที่อุดมด้วยวิตามินซีและสารต่อต้านอนุมูลอิสระในแบบฉบับของเราค่ะ สูตรนี้สามารถใช้ขัดผิวและอาบน้ำไปด้วยเนื่องจากเราผสมสบู่เหลวลงไป ถือว่าประหยัดเวลาไปได้เยอะเลยค่ะ สำหรับการเก็บรักษาสครับ ให้เก็บไว้ในตู้เย็นนะคะในกระปุกสีชาที่ทึบแสงเพื่อคงคุณค่าวิตามินให้คงอยู่และเก็บไว้ได้นานหนึ่งเดือนค่ะ
ส่วนประกอบ
1. เกลือป่น หนึ่งถ้วยตวง
2. สบู่เหลวกลิ่นที่ชอบ ครึ่งถ้วยตวง
3. น้ำมะเฟืองคั้นสดๆ 1/4 ถ้วยตวง
4. กลีเซอรีน 2 ช้อนโต๊ะ
5. น้ำมันพืช หรือbaby oil 1 ช้อนโต๊ะ
ผสมทุกอย่างให้เข้ากันในชามถ้าส่วนผสมเหลวไปให้เติมเกลือป่นเพิ่มจนได้ความข้นตามต้องการ เราก็จะได้สครับที่อุดมด้วยวิตามินซีและสารต่อต้านอนุมูลอิสระในแบบฉบับของเราค่ะ สูตรนี้สามารถใช้ขัดผิวและอาบน้ำไปด้วยเนื่องจากเราผสมสบู่เหลวลงไป ถือว่าประหยัดเวลาไปได้เยอะเลยค่ะ สำหรับการเก็บรักษาสครับ ให้เก็บไว้ในตู้เย็นนะคะในกระปุกสีชาที่ทึบแสงเพื่อคงคุณค่าวิตามินให้คงอยู่และเก็บไว้ได้นานหนึ่งเดือนค่ะ
วันพฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2555
ทำมาส์กหน้าใสด้วยมะขามกันดีกว่า ....
มะขามเป็นพืชท้องถิ่นในประเทศไทย และที่เรารู้จักกันมาอย่างดีคือมะขามเปียก ที่ต้องมีติดครัวไว้แทบทุกบ้าน นอกจากมะขามจะใช้สำหรับปรุงรสอาหารให้เปรี้ยวแซ่บ แล้ว ในสมัยโบราณเรายังรู้ว่าเขาเอามาขัดผิวร่วมกับขมิ้น แต่วันนี้คงไม่ต้องถึงกับขนาดนั้นเพราะมันจะดูเป็นงานช้างไป จะขอเอามะขามเปียกท้ายครัวมาทำครีมมาส์กหน้าให้สวยใส มาเตรียมของกันดีกว่าค่ะ
1. มะขามเปียก 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำร้อน 1 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากันจนเป็นเนื้อครีม
2. นมสด 1 ช้อนโต๊ะ
3. น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำมันพืช 1 ช้อนชา
นำส่วนผสมทั้งหมดคนให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเดียวกัน วิธีการใช้คือ ล้างหน้าให้สะอาดก่อนแล้วทาครีมที่ทำไว้ลงไปแล้วทิ้งไว้ 5 นาที อาจจะคันยิบๆบ้าง เพราะในมะขามมีAHA ตามธรรมชาติ ถ้าทนไม่ไหวก็ล้างออกนะคะ ทำวันเว้นวัน ประมาณ หนึ่งสัปดาห์จะเริ่มเห็นผลค่ะ ส่วนผสมทั้งหมดถ้าทำแล้วใช้ไม่หมดให้เก็บเข้าตู้เย็นค่ะ มีอายุหลังผสมประมาณ หนึ่งสัปดาห์...
1. มะขามเปียก 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำร้อน 1 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากันจนเป็นเนื้อครีม
2. นมสด 1 ช้อนโต๊ะ
3. น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำมันพืช 1 ช้อนชา
นำส่วนผสมทั้งหมดคนให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเดียวกัน วิธีการใช้คือ ล้างหน้าให้สะอาดก่อนแล้วทาครีมที่ทำไว้ลงไปแล้วทิ้งไว้ 5 นาที อาจจะคันยิบๆบ้าง เพราะในมะขามมีAHA ตามธรรมชาติ ถ้าทนไม่ไหวก็ล้างออกนะคะ ทำวันเว้นวัน ประมาณ หนึ่งสัปดาห์จะเริ่มเห็นผลค่ะ ส่วนผสมทั้งหมดถ้าทำแล้วใช้ไม่หมดให้เก็บเข้าตู้เย็นค่ะ มีอายุหลังผสมประมาณ หนึ่งสัปดาห์...
มาลดกลิ่นอับเท้าด้วยBath soak กันดีกว่าค่ะ
เข้าหน้าฝนแล้ว น่าเห็นใจสำหรับสาวๆที่ ต้องใส่รองเท้าคัทชูตลอดวัน สิ่งที่ตามมาคือกลิ่นเหม็นอับ วันนี้ จะมาลองทำ เกลือแช่เท้าสูตร Detox สารพิษกันค่ะ ลองมาดูกันว่ามีส่วนผสมอะไรบ้าง
1. น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
2. ผงฟู 1 ช้อนโต๊ะ
3. เบบี้ออยล์ หรือน้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
4. ขิงผง หรือ ชาเขียวแบบผง หรือ ชาเขียวแบบเป็นใบๆ ก็ได้ค่ะ 1 ช้อนโต๊ะ
5. เปลือกส้ม หรือเปลือกมะนาว หรือเปลือกมะกรูด ซอยละเอียด หรือใส่เครื่องบดให้ละเอียดก็ได้ค่ะ
6. น้ำมันหอมระเหย ถ้าไม่มีใช้ยูคาลิปตัส หรือจะไม่ใช้เลยก็ได้ค่ะ
7. เกลือป่น หรือจะเกลือเม็ดใหญ่ก็ได้ค่ะ ครึ่งถ้วย
จากนั้นนำส่วนผสมทุกอย่างคนรวมกันจนเป็นเนื้อเดียวเก็บไว้ในตู้เย็น เวลาจะใช้ ก็ตักมาผสมกับน้ำอุ่น แช่เท้าลงไปจนน้ำหายอุ่น จะขัดเท้าไปด้วยก็ได้นะคะ เสร็จแล้วล้างด้วยน้ำเปล่า เช็ดท้าให้สะอาดเป็นอันเสร็จพิธี นอกากเท้าจะหายเหม็นแล้ว ยังมีความนุ่มเพิ่มขึ้นอีกต่างหาก และลดอาการเมื่อยล้าได้เป็นอย่างดีค่ะ ^_^
1. น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
2. ผงฟู 1 ช้อนโต๊ะ
3. เบบี้ออยล์ หรือน้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
4. ขิงผง หรือ ชาเขียวแบบผง หรือ ชาเขียวแบบเป็นใบๆ ก็ได้ค่ะ 1 ช้อนโต๊ะ
5. เปลือกส้ม หรือเปลือกมะนาว หรือเปลือกมะกรูด ซอยละเอียด หรือใส่เครื่องบดให้ละเอียดก็ได้ค่ะ
6. น้ำมันหอมระเหย ถ้าไม่มีใช้ยูคาลิปตัส หรือจะไม่ใช้เลยก็ได้ค่ะ
7. เกลือป่น หรือจะเกลือเม็ดใหญ่ก็ได้ค่ะ ครึ่งถ้วย
จากนั้นนำส่วนผสมทุกอย่างคนรวมกันจนเป็นเนื้อเดียวเก็บไว้ในตู้เย็น เวลาจะใช้ ก็ตักมาผสมกับน้ำอุ่น แช่เท้าลงไปจนน้ำหายอุ่น จะขัดเท้าไปด้วยก็ได้นะคะ เสร็จแล้วล้างด้วยน้ำเปล่า เช็ดท้าให้สะอาดเป็นอันเสร็จพิธี นอกากเท้าจะหายเหม็นแล้ว ยังมีความนุ่มเพิ่มขึ้นอีกต่างหาก และลดอาการเมื่อยล้าได้เป็นอย่างดีค่ะ ^_^
สครับขัดผิวขาวใสจากทับทิมสดๆ จ้า...
สครับที่ขาวใส นอกจากมะหาด และพวกวิตามินซีแล้ว ผลไม้บางอย่างก็สามารถนำมาทำสครับได้เหมือนกัน วันนี้จะมาลองเสนอไอเดียการทำสครับจากทับทิมกันค่ะ เนื่องจากในทับทิมมี กรดผลไม้ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว และมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่แรงกว่าชาเขียวอีกด้วยนะคะ ลองมาดูส่วนผสมกันค่ะ
1. เมล็ดทับทิมที่คั้นเอาแต่น้ำ 1 ช้อนโต๊ะ
2. น้ำมันพืชหรือเบบี้ออยล์ 2 ช้อนโต๊ะ
3. สบู่เหลว 2 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
5. เปลือกส้มเขียวหวานหั่นละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
6. น้ำตาลทราย หรือเกลือป่นก็ได้ 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำก็คือผสมทุกอย่างเข้าด้วยกันและใช้แทนครีมอาบน้ำได้เลยค่ะ วิธีการใช้อย่างเกิดผลคือ เอาสครับขัดลงบนผิวเบาๆ วนไปเรื่อยๆจนน้ำตาลหรือเกลือละลายจนหมดจึงล้างน้ำเปล่าออก จนหมด จะร้สึกว่า ผิวจะนุ่ม และค่อยๆขาวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติค่ะ
Homemade Shaving gel เจลโกนหนวดสำหรับคุณผู้ชายในสไตล์แบบคุณ ^_^
มาแล้วค่ะ ตำรับสำคัญของคุณผู้ชายทั้งหลาย นั่นคือ เจลโกนหนวดค่ะ ยังไงก็ไม่มีใครคัดค้านใช่ไหมคะ ว่าไม่ได้ใช้ 555 ซึ่งยี่ห้อที่คุณผู้ชายทั้งหลายใช้กันก็มีไม่กี่ยี่ห้อและราคาก็แพงพอสมควร ถ้าหากว่าเราสามารถทำเองได้ง่ายๆแบบว่าไม่ต้องเสียเงินทีละเยอะๆ คิดว่าน่าสนใจไหมล่ะคะ ลองมาดูกันดีกว่าค่ะว่าที่เราจะมาทำกันมีส่วนประกอบอะไรบ้าง
1. สบู่เหลว แบบอ่อนโยน หรือแบบที่คุณชอบ ครึ่งถ้วยตวง
2. น้ำร้อน 1/4 ถ้วย
3. เกลือป่น ครึ่งช้อนชาค่ะ
4. กลีเซอรีน 2 ช้อนโต๊ะ (ตัวนี้หากหายากก็ไม่ต้องก็ได้ค่ะ อาจใช้น้ำผึ้งแทนก็ได้ค่ะ)
5. เจลว่านหางจรเข้ 2 ช้อนโต๊ะ ใช้ขององค์การเภสัชก็ได้ค่ะหลอดละ สามสิบบาทเอง ถ้ามีแบบสดๆ ก็ล้างเมือกออกให้หมดปอกแล้วคั้นเอาแต่น้ำก็ใช้ได้เหมือนกัน แต่อาจจะมีกลิ่นเหม็นเขียวนิดๆ
6. น้ำมันทีทรี 8 หยด ถ้าหาไม่ได้จริงๆ เอาน้ำมันยูคาลิปตัสก็ได้ค่ะ เป็นตัวฆ่าเชื้อค่ะ
นำส่วนผสมทั้งหมดยกเว้นน้ำมันข้อ 6 ผสมรวมกันคนให้เข้ากัน พอเริ่มอุ่นค่อยหยดน้ำมันข้อ6 ลงไป เก็บในขวดแก้วสีชา ถ้าลองเทียบดูแล้วราคาถูกกว่าครึ่งต่อครึ่งค่ะ แถมด้วยเรื่องกลิ่นที่คุณสามารถเปลี่ยนกลิ่นได้ด้วย สบู่เหลว ที่ใช้อีกด้วย แล้วคุณก็จะได้เจลโกนหนวดราคาประหยัดในแบบฉบับของตัวคุณเอง ^_^
1. สบู่เหลว แบบอ่อนโยน หรือแบบที่คุณชอบ ครึ่งถ้วยตวง
2. น้ำร้อน 1/4 ถ้วย
3. เกลือป่น ครึ่งช้อนชาค่ะ
4. กลีเซอรีน 2 ช้อนโต๊ะ (ตัวนี้หากหายากก็ไม่ต้องก็ได้ค่ะ อาจใช้น้ำผึ้งแทนก็ได้ค่ะ)
5. เจลว่านหางจรเข้ 2 ช้อนโต๊ะ ใช้ขององค์การเภสัชก็ได้ค่ะหลอดละ สามสิบบาทเอง ถ้ามีแบบสดๆ ก็ล้างเมือกออกให้หมดปอกแล้วคั้นเอาแต่น้ำก็ใช้ได้เหมือนกัน แต่อาจจะมีกลิ่นเหม็นเขียวนิดๆ
6. น้ำมันทีทรี 8 หยด ถ้าหาไม่ได้จริงๆ เอาน้ำมันยูคาลิปตัสก็ได้ค่ะ เป็นตัวฆ่าเชื้อค่ะ
นำส่วนผสมทั้งหมดยกเว้นน้ำมันข้อ 6 ผสมรวมกันคนให้เข้ากัน พอเริ่มอุ่นค่อยหยดน้ำมันข้อ6 ลงไป เก็บในขวดแก้วสีชา ถ้าลองเทียบดูแล้วราคาถูกกว่าครึ่งต่อครึ่งค่ะ แถมด้วยเรื่องกลิ่นที่คุณสามารถเปลี่ยนกลิ่นได้ด้วย สบู่เหลว ที่ใช้อีกด้วย แล้วคุณก็จะได้เจลโกนหนวดราคาประหยัดในแบบฉบับของตัวคุณเอง ^_^
วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2555
มาทำครีมนวดผมที่เร่งผมยาวทันใจใช้กันดีกว่าค่ะ....
ต้นเหตุมันมาจากการไปยืดผมที่ใช้น้ำยายืดคุณภาพไม่ดี ที่เป็นผลพวงของความงก เลยได้ผมเป็นแบบไม้กวาดมาเยี่ยงนี้ เลยต้องตัดผมให้สั้นลง และรอคอยว่าเมื่อไหร่มันจะยาวซักที ใช้แชมพูและครีมนวดสารพัดก็แล้ว นับวันรอก็แล้ว มันก็ยังไม่ยาวทันใจ สงสัยจะไม่ได้การซะแล้ว ลองมาดูฝรั่งบ้างสิว่า เขาใช้อะไรกันบ้าง เห็นแต่ละตัวแล้ว เอ่อ ลมจะจับค่ะ ยัมมี่สุดชีวิต ทั้ง มายองเนส น้ำส้มสายชู ไข่แดง น้ำมันมะกอก สงสัยหัวจะกลายเป็นสลัดครีมข้นแน่ๆ แต่ไปเจออยู่เวบหนึ่ง สูตรดูดีมีชาติตระกูลขึ้นมาเลยทีเดียว เลยจับมาทำครีมนวด สูตร SA-SA treatment มันซะเลย มาดูกันค่ะว่าจะมีอะไรบ้าง
1. ชาเขียวแบบชง ที่เป็น ซอง เอามาชงกับน้ำ1 แก้ว ถ้ามีเป็นแบบซองใหญ่เอามาประมาณ 1 ช้อน แล้วชงกับน้ำร้อน 1 แก้วค่ะ
2. Emulsifying wax 1 ช้อนโต๊ะ ตัวนี้เป็นตัวหลักเลยค่ะสำหรับทำครีมหรือโลชั่น
3. น้ำมันพืชที่ไว้ทำกับข้าวค่ะ 2 ช้อนโต๊ะ อันนี้ประหยัดนะคะ แต่ใครมีน้ำมันมะพร้าวก็ใช้ได้ค่ะหรือใช้เบบี้ออยล์ก็ได้ค่ะ
4. น้ำมันหอมระเหยกลิ่นที่ชอบ ถ้าไม่มีเอากลิ่นที่ใส่ขนมอบก็ได้ค่ะ มีกลิ่นชาเขียวด้วยนะคะ ขวดสิบกว่าบาทเอง แต่อย่าใส่เยอะนะคะซัก10หยดพอเดี๋ยวครีมนวดจะไม่ข้น
5. วิตามินอี เอาแบบที่กินก็ได้ค่ะเอามาซัก 2 แคปซูล
ให้เอาส่วนที่เป็นน้ำมัน 2+3 หลอมให้ละลาย แล้ว เทลงไปในชาเขียวที่ยังร้อนอยู่ ควรจะต้องร้อนนะคะ เพราะถ้าเอาไขมันที่ร้อนมาลงน้ำเย็นกว่า ไขมัน จะสะดุ้งแล้วแยกตัวไม่เกิดครีมค่ะ จากนั้นก็คนไปเรื่อยๆจนเป็นครีมข้น พอเริ่มอุ่นใส่กลิ่นและวิตามินอี เก็บใส่กระปุก ก็จะได้ครีมบำรุงผมราคาประหยัดและสร้างสรรค์จากธรรมชาติค่ะ เหตุผลที่เลือกชาเขียวเพราะเป็นตัวหนึ่งที่ช่วยให้ผมยาวไวและมีสารanti-oxidant ช่วยป้องกันผมจากมลภาวะด้วยค่ะ ส่วนพวกน้ำมันจะทำให้ผมนุ่มขึ้น ไม่มีสารอะไรเยอะแยะจนน่าปวดหัวเหมือนข้างขวดครีมนวดยี่ห้อดัง(ไม่รู้เขากลัวเราจะcopy สูตรหรือไงนะ ใส่มันไปร่วมร้อยตัว ประมาณว่ามันต้องมีซักตัวที่ออกฤทธิ์ 555) ขอให้มีความสุขกับการทำทรีตเม้นต์บำรุงผมนะคะ :)
1. ชาเขียวแบบชง ที่เป็น ซอง เอามาชงกับน้ำ1 แก้ว ถ้ามีเป็นแบบซองใหญ่เอามาประมาณ 1 ช้อน แล้วชงกับน้ำร้อน 1 แก้วค่ะ
2. Emulsifying wax 1 ช้อนโต๊ะ ตัวนี้เป็นตัวหลักเลยค่ะสำหรับทำครีมหรือโลชั่น
3. น้ำมันพืชที่ไว้ทำกับข้าวค่ะ 2 ช้อนโต๊ะ อันนี้ประหยัดนะคะ แต่ใครมีน้ำมันมะพร้าวก็ใช้ได้ค่ะหรือใช้เบบี้ออยล์ก็ได้ค่ะ
4. น้ำมันหอมระเหยกลิ่นที่ชอบ ถ้าไม่มีเอากลิ่นที่ใส่ขนมอบก็ได้ค่ะ มีกลิ่นชาเขียวด้วยนะคะ ขวดสิบกว่าบาทเอง แต่อย่าใส่เยอะนะคะซัก10หยดพอเดี๋ยวครีมนวดจะไม่ข้น
5. วิตามินอี เอาแบบที่กินก็ได้ค่ะเอามาซัก 2 แคปซูล
ให้เอาส่วนที่เป็นน้ำมัน 2+3 หลอมให้ละลาย แล้ว เทลงไปในชาเขียวที่ยังร้อนอยู่ ควรจะต้องร้อนนะคะ เพราะถ้าเอาไขมันที่ร้อนมาลงน้ำเย็นกว่า ไขมัน จะสะดุ้งแล้วแยกตัวไม่เกิดครีมค่ะ จากนั้นก็คนไปเรื่อยๆจนเป็นครีมข้น พอเริ่มอุ่นใส่กลิ่นและวิตามินอี เก็บใส่กระปุก ก็จะได้ครีมบำรุงผมราคาประหยัดและสร้างสรรค์จากธรรมชาติค่ะ เหตุผลที่เลือกชาเขียวเพราะเป็นตัวหนึ่งที่ช่วยให้ผมยาวไวและมีสารanti-oxidant ช่วยป้องกันผมจากมลภาวะด้วยค่ะ ส่วนพวกน้ำมันจะทำให้ผมนุ่มขึ้น ไม่มีสารอะไรเยอะแยะจนน่าปวดหัวเหมือนข้างขวดครีมนวดยี่ห้อดัง(ไม่รู้เขากลัวเราจะcopy สูตรหรือไงนะ ใส่มันไปร่วมร้อยตัว ประมาณว่ามันต้องมีซักตัวที่ออกฤทธิ์ 555) ขอให้มีความสุขกับการทำทรีตเม้นต์บำรุงผมนะคะ :)
วันเสาร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2555
แชมพูสำหรับคนหัวกะทิ ^_^
เข้าไปอ่านเวบบล็อก ของพวกฝรั่ง จะเห็นได้ว่า เขาค่อนข้างจะคลั่งไคล้กลิ่นมะพร้าว พอๆกับกลิ่นลาเวนเดอร์เลยทีเดียว หนีไม่พ้นที่ต้องเอามะพร้าวมาทำผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ไม่ว่าจะเป็น ครีม โลชั่น หรือแม้กระทั่งแชมพู ซึ่งเวลาจะใช้เขาจะเอาส่วนที่เรียกว่า coconut milk มาใช้ผสมลงไป บ้านเราเขาเรียกตัวนี้ว่า กะทิ ค่ะ สำหรับพวกเราเองคงจะดูแปลกสักหน่อยที่จะเอากะทิ มาสระผม แต่ได้อ่านแล้วเจอว่าฝรั่งบางคนเป็นรังแคเรื้อรัง แบบที่ไม่ใช่เชื้อรา เขาลองทำแชมพูจากกะทิแล้วพบว่า รังแคที่มีลดลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่ต้องไปซื้อแชมพูขจัดรังแคที่ได้ผลบ้าง ไม่ได้ผลบ้าง ว่าแต่ จะช้าอยู่ทำไม ลองดูหน่อยซิว่าเราจะดัดแปลงยังไงได้บ้าง
1. แชมพูเด็กน้อย 1/3 ถ้วยตวง
2. กะทิแบบสดๆ หรือแบบกระป๋องก็ได้ค่ะ 1/4ถ้วยตวง
3. วิตามินอี 1 ช้อนชา ถ้าไม่มีเอาแบบแคปซูลที่กิน หรือแคปซูลที่ใส่ผมก็ได้ค่ะ บีบใส่ให้ได้ 1 ช้อนชา
4. น้ำมันหอมระเหย ตามชอบ แต่จริงๆกลิ่นกะทิแรงพอสมควร ถ้าคิดจะมากลบกลิ่น ท่าจะยากค่ะ ส่วนใหญ่จะใส่เพื่อผลบางอย่าง เช่นเอาไว้ฆ่าเชื้อ ถ้ามันยุ่งยากมาก ไม่ต้องใส่ก็ได้ค่ะ
ผสมทุกอย่างเข้าด้วยกัน คุณก็จะมี coconut milk shampoo ที่ไม่เหมือนใครเป็นของตัวเองหนึ่งขวดค่ะ
ตำรับนี้นอกจากรังแคหายแล้วพบว่า ผมนุ่มขึ้น และผมยาวเร็วขึ้นอีกด้วย สำหรับอายุการใช้งานประมาณ 1 เดือนค่ะ ก่อนใช้เขย่าให้เข้ากันก่อนนะคะ เนื่องจากแชมพูอาจแยกชั้นกันนิดหน่อย อ้อ อย่าเก็บไว้ในตู้เย็นนะคะ เพราะแชมพูจะแข็งตัวแล้วจะเทออกมาลำบากค่ะ...
1. แชมพูเด็กน้อย 1/3 ถ้วยตวง
2. กะทิแบบสดๆ หรือแบบกระป๋องก็ได้ค่ะ 1/4ถ้วยตวง
3. วิตามินอี 1 ช้อนชา ถ้าไม่มีเอาแบบแคปซูลที่กิน หรือแคปซูลที่ใส่ผมก็ได้ค่ะ บีบใส่ให้ได้ 1 ช้อนชา
4. น้ำมันหอมระเหย ตามชอบ แต่จริงๆกลิ่นกะทิแรงพอสมควร ถ้าคิดจะมากลบกลิ่น ท่าจะยากค่ะ ส่วนใหญ่จะใส่เพื่อผลบางอย่าง เช่นเอาไว้ฆ่าเชื้อ ถ้ามันยุ่งยากมาก ไม่ต้องใส่ก็ได้ค่ะ
ผสมทุกอย่างเข้าด้วยกัน คุณก็จะมี coconut milk shampoo ที่ไม่เหมือนใครเป็นของตัวเองหนึ่งขวดค่ะ
ตำรับนี้นอกจากรังแคหายแล้วพบว่า ผมนุ่มขึ้น และผมยาวเร็วขึ้นอีกด้วย สำหรับอายุการใช้งานประมาณ 1 เดือนค่ะ ก่อนใช้เขย่าให้เข้ากันก่อนนะคะ เนื่องจากแชมพูอาจแยกชั้นกันนิดหน่อย อ้อ อย่าเก็บไว้ในตู้เย็นนะคะ เพราะแชมพูจะแข็งตัวแล้วจะเทออกมาลำบากค่ะ...
แชมพูหมดทำไงดี?????
บางทีคนเราก็ลืมบ้าง ไรบ้าง อิๆ ศัพท์วัยรุ่นอีกแล้ว เวลาซื้อของทีไรลืมหมดเลยว่าที่บ้านขาดอะไรมั่ง เลยได้แต่ของที่ไม่จำเป็นติดไม้ติดมือกลับบ้าน พอจะสระผม เหลือบไปดู อ้าว แชมพูหมด จะเอาสบู่เหลวมาสระ ก็กระไรอยู่ ที่นี่ มีคำตอบค่ะ หาที่มันมีในครัวนี่แหละ ชาวบ้านเขายังทำมาซะสวยหรูดูน่าใช้เหมือนอย่างในรูปค่ะ มาดูซิว่าอะไรพอจะเอามาทำได้บ้าง
1. ผงฟู หรือ โซเดียมไบคาร์บอเนต หรือ เบคกิ้งโซดา จะใช้อีโนก็ได้นะคะ แต่แพงไปหน่อย อิๆ ใช้ซัก 2 ช้อนโต๊ะ
2. น้ำมันหอมระเหย 10 หยด หากไม่มีสิ่งใดเลย แนะนำยูคาลิปตัส ค่ะ เย็นหัวดี 555แต่ปกติเราจะใช้น้ำมันมะกรูด หรือ tea tree oil กันเพื่อลดอาการอักเสบและฆ่าเชื้อบริเวณหนังศีรษะ
3. น้ำเปล่าพร้อมหลอด หยด ถ้าไม่มีไม่ต้องกระเสือกกระสนหา นะคะ ใช้หลอดดูดน้ำก็ใช้ได้ค่ะ
ได้ของเสร็จแล้ว เตรียมลุยค่ะ อ่อ หากผมยังเปียกอยู่ ประมาณว่าแชมพูหมดแบบไม่รู้ตัว แนะนำพันผ้าบนหัวนิดนึงนะคะเพื่อความสะดวกในการทำแชมพูค่ะ เอาผงฟูใส่ชาม หยดน้ำมันหอมระเหยลงไป คนให้เข้ากัน เสร็จแล้ว ค่อยๆหยดน้ำลงไปอย่าเทพรวดนะคะ ใช้หลอดหยดน้ำลงไปทีละนิดคนไปเรื่อยๆจนสภาพออกมาเป็นโคลนหน่อยๆเป็นอันเสร็จพิธีค่ะ จากนั้นก็เอามาละเลงบนหัวแทนแชมพูได้เลยค่ะ รับรองว่าสะอาดหมดจดจริงๆ แต่อย่าลืมใช้ครีมนวดตามนะคะ ...ว่าแต่ว่า ครีมนวดน่ะ ยังมีอยู่หรือว่าหมดไปแล้ว 5555
แปลงโฉมสบู่ก้อนให้เป็นสบู่เหลวสูตรบำรุงผิวกันดีกว่า...
คุณมีอาการแบบนี้บ้างไหมคะที่เวลาสบู่ก้อน ลดราคาทีไรเราจะซื้อทีละเยอะๆแล้วก็จะเหลือใช้มาก ใช้ไม่หมดซักที อยากเปลี่ยนเป็นกลิ่นอื่นบ้าง หรืออยากใช้สบู่เหลว แต่สบู่ก้อนก็เหลืออยู่เต็มตู้...วันนี้เรามาดูกันซิว่าสบู่ก้อนที่มีอยู่จะทำอะไรให้เราได้บ้าง มาลองดูส่วนผสมกันเลยค่ะ
1. สบู่ก้อนที่หั่นเป็นฝอย โดยใช้ที่ขูดมะละกอ 1 ถ้วย
2. น้ำดื่ม 3 ถ้วย
3. น้ำมันที่ทำกับข้าว หรือเบบี้ออยล์ก็ได้ 1 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำมันหอมระเหยกลิ่นที่ชอบ หรือ กลิ่นผลไม้ที่มีขายตามร้านเบเกอรี่ ตามชอบค่ะ (ส่วนตัวชอบกลิ่นสตรอเบอรี่ค่ะ แบบในร้านเบเกอรี่ขายขวดหนึ่งไม่เกินยี่สิบบาท)
เริ่มต้นก็เอาสบู่ผสมกับน้ำแล้วตุ๋นด้วยหม้อสองชั้น จะเอาชามตั้งไฟเอาน้ำใส่ แล้วใส่ถ้วยที่มีสบู่ก็ได้ค่ะ(ตามลำบากอิๆ)ตุ๋นจนกลายเป็นน้ำนม คือเป็นเนื้อเดียว เติมน้ำมันลงไป คนให้ทั่วแล้วยกลง คนไปเรื่อยๆค่ะ คนบ้าง พักบ้าง จนสบู่อุ่น แล้วจึงเติมกลิ่น แค่นี้เราก็จะมีสบู่บำรุงผิวที่เป็นสูตรของเราเองแล้วค่ะ ใครอยากใส่ผงสครับลงไปด้วยก็ไม่ว่ากันนะคะ ถ้าแบบว่าเอาราคาถูกแต่ดี ก็คือ รำบดละเอียดค่ะ หาซื้อได้ตามร้านตกปลา ถุงละยี่สิบแต่ได้ประมาณครึ่งกิโล สครับตัวนี้จะไม่บาดผิวนะคะ แต่จะเพิ่มความชุ่มชื้นค่ะเนื่องจากในรำละเอียดมีน้ำมันที่เรียกกันว่าน้ำมันรำข้าวนั่นเอง....ทำง่ายๆแต่ได้คุณค่าค่ะ :)
วันพฤหัสบดีที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2555
มะหาดขาวแซ่บเว่อร์จนจะหมดป่าแล้วจ้า...
ช่วงนี้ถ้าได้ลองดูเทรนด์ ไวท์เทนนิ่งตัวใหม่ในบ้านเรา คงไม่มีอะไรเกินหน้าโลชั่นมะหาดอีกแล้ว ขาวแซ่บเว่อร์ แบบว่า ขาวจริง ไรจริง(ภาษาวัยรุ่นค่ะ) ด้วยความสงสัย อยากรู้นี่แหล่ะค่ะ เลยต้องไปค้นดูว่ามันมาจากไหน ทำไมดังสุดขั้วเช่นนี้ ก็เลยเจอว่า อาจารย์คณะเภสัช จุฬา คนในวงการเดียวกันนี่เอง ที่จุดประกาย สมุนไพรไทย ไปไกลทั่วโลก(เฉพาะเอเชียค่ะ แถบยุโรปไม่นิยมเพราะขาวจนจะซีดอยู่แล้ว) นี่แค่ยังวิจัยได้ไม่เท่าไหร่เองนะคะ ยังไม่รู้ว่าความเข้มข้นที่เหมาะสมอยู่ในปริมาณที่เท่าไหร่ บ้านเราก็ขายมันเข้าไปร่วมล้านยี่ห้อแล้วค่ะ กลูต้าจากเกาหลีนี่ เรทติ้งตกเลยทีเดียว ก็ดีนะคะที่เราช่วยกันอุดหนุนของไทย แต่เป็นเรื่องที่น่าเศร้าอีกเช่นกัน ที่ได้รู้ความจริงที่ว่า การที่เราจะได้สารสำคัญที่ขาวจริงขาวจังนี่ เราต้องเอาแก่นของต้นมะหาดที่มีสีน้ำตาลแก่ มาต้มแล้วจึงจะได้สารสกัดออกมา ซึ่งกว่ามะหาดจะให้แก่นสีน้ำตาลออกมาได้ ต้องใช้เวลาถึง 5 ปี และจะให้ได้สารสำคัญเข้มข้นจริงๆ ต้องใช้เวลาถึง 40 ปี และตอนนี้ ก็มีคนเข้าป่าไปหาต้นมะหาดเพื่อที่จะโค่นมันออกมาขาย เนื่องจากเป็นต้นไม้ที่ขึ้นทั่วไปตามป่าโปร่ง ป่าเบญจพรรณ ซึ่งทราบมาจากโรงงานที่รับบดสมุนไพรว่า ตอนนี้แก่นมะหาดสีน้ำตาลแก่หาไม่เจอแล้ว พบแต่แก่นสีขาวซึ่งเป็นต้นที่อายุยังไม่ถึง 5 ปี อ่านแล้วสะท้อนใจไหมคะ มันจะขาวซีดเว่อร์กันทั้งเมืองและต้นมะหาดก็กำลังจะเริ่มหายไปพร้อมๆกัน ด้วยความรันทดใจปนกับเสียดายลึกๆ ก็เลยลองค้นดูว่าจะมีสารตัวไหนในบ้านเราอีกไหมที่มีการวิจัยแล้วได้ผลคล้ายๆกัน แม้ขาวไม่ทันใจก็ขอขาวอย่างค่อยเป็นค่อยไป แบบไม่ฉาบฉวย และรักษ์โลก น่าจะดูดีกว่า และแล้วเราก็เจอแล้ว มันคือ ถั่วเหลืองนั่นเอง และจะได้สารตัวนั้นออกมา ไม่ยากเลย หาจากน้ำเต้าหู้สดๆนี่ล่ะค่ะเขาพบว่า มีสารชนิดหนึ่งที่เรียกว่า 6,7,4'-trihydroxyisoflavone ซึ่งพบว่าสามารถยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานินได้มากกว่า กรดโคจิค ถึง 6 เท่า แต่อาจต้องใช้เวลาประมาณ 12 สัปดาห์ ถึงจะเห็นผลชัดเจนค่ะ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่http://www.skinwhiteningscience.com/top_skin_whitening_agents_top_20_soy.html ถือเป็นความรู้นะคะ ที่ไม่ได้มีมะหาดเท่านั้นที่ขาวจริง ขาวจัง จริงๆแล้วน้ำเต้าหู้นี่แหล่ะค่ะ ก็ช่วยได้เหมือนกัน ตอนนี้มะหาดจะหมดป่าแล้ว เพราะคนเราต้องการมากกว่าคำว่าพอดี เรามาเริ่มต้นขาวกันแบบพอดีๆกับน้ำเต้าหู้สดๆกันดีกว่าค่ะ จะทานทุกวัน หรือจะใช้เป็นโลชั่นทาทุกวันก็ยังได้ สนใจการทำโลชั่นน้ำเต้าหู้สดดูที่http://diybysasa.blogspot.com/2012/06/anti-aging-body-lotion.html แล้วจะรู้ว่าไม่ต้องไปขวนขวายหามะหาดเลยค่ะ ^_^
Anti aging body lotion..ทำโลชั่นต่อต้านริ้วรอยกันเถอะ
คุณทราบไหมว่าในถั่วเหลืองมีสารอะไรที่มีประโยชน์ต่อผิวเราบ้าง วันนี้จะมาแชร์ไอเดียเริ่ดๆในราคาสุดถูก แต่ช่วยได้จริงชนิดที่ แบรนด์ชั้นนำ ยังอาย ความลับของถั่วเหลืองคือ สารที่เรียกกันว่าPhyto estrogen นั่นเอง สารนี้มีเป็นตัวที่ทำหน้าที่คล้ายฮอร์โมนเพศหญิงนั่นเอง และมีอยู่เยอะในถั่วเหลืองค่ะ เราจะนำสารตัวนี้ในถั่วเหลืองมาใช้กัน ไปดูส่วนผสมกันเลยค่ะ
1. น้ำเต้าหู้แบบไม่ใส่น้ำตาลและเครื่องทั้งหลาย 1 ถ้วยครึ่ง หาได้ทั่วไปตามตลาดสดค่ะ เอาแบบร้อนๆนะคะไม่เอาแบบกล่องที่แช่เย็นในตู้ขายน้ำ ถ้าจะให้ดีที่สุดทำเองค่ะ แต่จะนานเกินไป(ขี้เกียจทำค่ะไม่ถนัด)
2. Emulsifying wax 1 ช้อนกาแฟค่ะ
3. น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันมะพร้าว หรือเบบี้ออยล์ อย่างใดอย่างหนึ่ง 1 ช้อนกาแฟ
4. กลิ่นตามชอบ
นำemulsifying wax มาหลอมให้ละลายแล้วเติมน้ำมันในข้อ3 ลงไป คนจนเป็นสารละลายใส และอุ่นน้ำเต้าหู้ ให้ร้อน แล้วเทส่วนของน้ำมันลงไป คนให้เข้ากันและคนไปเรื่อยๆจนเริ่มหนืด แล้ว คนเป็นพักๆ จนโลชั่นเริ่มอุ่น แล้วจึงใส่กลิ่นลงไป เทใส่ขวดโลชั่นหรือกระปุกครีม ตำรับนี้ให้เก็บไว้ในตู้เย็นค่ะ จะอยู่ได้นานประมาณ 1 เดือน ทา เช้า-เย็นหลังอาบน้ำ
สูตรนี้จะช่วยให้ผิวนุ่มและลดริ้วรอย รวมทั้งป้องกันไม่ให้ผิวถูกทำลายเร็วกว่าปกติค่ะ ใช้ต่อเนื่องแค่ 1 สัปดาห์ก็เริ่มเห็นผลแล้วล่ะค่ะ :)
1. น้ำเต้าหู้แบบไม่ใส่น้ำตาลและเครื่องทั้งหลาย 1 ถ้วยครึ่ง หาได้ทั่วไปตามตลาดสดค่ะ เอาแบบร้อนๆนะคะไม่เอาแบบกล่องที่แช่เย็นในตู้ขายน้ำ ถ้าจะให้ดีที่สุดทำเองค่ะ แต่จะนานเกินไป(ขี้เกียจทำค่ะไม่ถนัด)
2. Emulsifying wax 1 ช้อนกาแฟค่ะ
3. น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันมะพร้าว หรือเบบี้ออยล์ อย่างใดอย่างหนึ่ง 1 ช้อนกาแฟ
4. กลิ่นตามชอบ
นำemulsifying wax มาหลอมให้ละลายแล้วเติมน้ำมันในข้อ3 ลงไป คนจนเป็นสารละลายใส และอุ่นน้ำเต้าหู้ ให้ร้อน แล้วเทส่วนของน้ำมันลงไป คนให้เข้ากันและคนไปเรื่อยๆจนเริ่มหนืด แล้ว คนเป็นพักๆ จนโลชั่นเริ่มอุ่น แล้วจึงใส่กลิ่นลงไป เทใส่ขวดโลชั่นหรือกระปุกครีม ตำรับนี้ให้เก็บไว้ในตู้เย็นค่ะ จะอยู่ได้นานประมาณ 1 เดือน ทา เช้า-เย็นหลังอาบน้ำ
สูตรนี้จะช่วยให้ผิวนุ่มและลดริ้วรอย รวมทั้งป้องกันไม่ให้ผิวถูกทำลายเร็วกว่าปกติค่ะ ใช้ต่อเนื่องแค่ 1 สัปดาห์ก็เริ่มเห็นผลแล้วล่ะค่ะ :)
วันศุกร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2555
Ginger sweety scrub recipe..สครับหรูจากก้นครัวค่ะ
ส่วนประกอบ
1. น้ำตาลทราย ไม่เลือกสีค่ะ จะแดงก็ได้ หรือขาวก็ได้ ไม่ว่ากัน
2. สบู่ก้อนที่เหลือในห้องน้ำหรือจะเดินไปซื้อร้านขายของชำก็ได้ค่ะ เอาที่ขูดมะละกอขูดให้เป็นฝอย ใช้1 ถ้วยตวง(กะเอาก็ได้ค่ะ)
3. น้ำสะอาด 2 ถ้วยตวง
4. น้ำขิง 1 ถ้วยตวง จะใช้ขิงผงหนึ่งซองละลายน้ำหนึ่งแก้ว หรือต้มขิงแก่เอาแค่น้ำต้มมาหนึ่งถ้วยก็ได้ค่ะ แล้วแต่สะดวก
5. น้ำมันทานตะวันที่ใช้ทำกับข้าวนั่นแหล่ะค่ะ ครึ่งถ้วยตวง
วิธีทำ
เอาสบู่ที่ขูดไว้ผสมกับน้ำเปล่า ตุ๋นในหม้อที่ตั้งไฟ ให้พอละลาย จะใช้เข้าเตาไมโครเวฟก็ได้ ประมาณ 1 นาที คนจนเข้ากันเป็นเนื้อเดียวยกลง ผสมน้ำขิงและน้ำมันทานตะวันลงไปคนเร็วๆให้เข้ากัน พยายามคนไปเรื่อยๆจนอุ่น ใส่น้ำตาลทรายลงไปจนสครับข้นไม่เหลว ตักใส่กระปุกที่มีฝาปิดสนิท ทิ้งไว้ในตู้เย็นสิบนาที แล้วตั้งไว้ในห้องน้ำ สครับนี้ไม่มีกันเสียแต่น้ำตาลมีความเข้มข้นสูงพอจะช่วยยืดอายุสครับไว้ได้นานประมาณหนึ่งเดือนค่ะ เวลาจะใช้ควรมีช้อนพลาสติกสำหรับตักมาใช้ ไม่ควรควักลงไปด้วยมือค่ะจะทำให้อายุสครับสั้นลง
ตำรับนี้ใช้อาบน้ำไปด้วยและขัดไปด้วยไม่ต้องใช้สบู่เพิ่ม เพราะเรามีสบู่ผสมไปแล้วแต่ถ้ายังรู้สึกตัวมันๆอยู่ก็ล้างด้วยสบู่อีกรอบหนึ่งได้ค่ะ
สำหรับสรรพคุณของสครับตัวนี้ คือจะช่วยการไหลเวียนของเลือดค่ะ อาบแล้วจะรู้สึกอุ่นๆด้วยฤทธิ์ของขิง ตำรับนี้ค่าใช้จ่ายไม่น่าจะเกินสามสิบบาทนะคะ สวยด้วยของก้นครัวในราคาสบายๆค่ะ :)
วันศุกร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2555
Olive oil shower gel....แรงบันดาลใจจากThe bodyshop
เรื่องของเรื่องก็มีอยู่ว่า สบู่เหลวขวดนี้ได้เป็นของขวัญช่วงปีใหม่ ฉันเคยไปแอบดูราคาที่shelf ในร้านเห็นราคาแล้วตกตะลึงปนอึ้งค่ะเพราะมันแพงระยับ ไม่เคยคิดจะซื้อสบู่อาบน้ำราคานี้ในชีวิตมาก่อน แต่ใช้ไปแล้วก็แอบชื่นชมค่ะ ของเขาดีจริงๆ แต่ว่ามันจะหมด(อีกแล้ว) ก็เลยเอาฉลากมานั่งแกะดูด้วยความรู้บวกประสบการณ์นิดหน่อยก็เลยพอจะทราบว่าถ้าเราจะทำใช้เองมันก็ไม่ยาก อาจจะไม่เหมือนร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ฟีลลิ่งก็ยังพอไหวค่ะ ว่าแล้วก็มาเข้าเนื้อหากันเลย มีส่วนผสมอะไรบ้าง
1. Sodium laureth sulphate หรือหัวแชมพู ครึ่งถ้วยตวง
2. น้ำดื่ม 1 ถ้วยตวง
3. กลีเซอรีน 1-2 ช้อนโต๊ะ
4. Tween 20 จำนวน 2 ช้อนชา
5. น้ำมันมะกอก 10 หยด(และกลิ่นมะกอกถ้ามีนะคะ ใช้แค่หยดเดียว)
6. สีผสมอาหารสีเขียวนิดหน่อย
7. เกลือป่น 1 ช้อนชา
8. citric acid หรือกรดมะนาว 5 เกร็ด ค่ะ สำหรับปรับpHให้เป็นกรดเล็กน้อยเพื่อสุขภาพผิวที่ดีค่ะ
ผสม 4+5 เข้าด้วยกันถ้าขุ่นให้ใส่Tween เพิ่มจนใส แล้วใส่ลงใน 1 จากนั้นเติมทุกอย่างลงไปยกเว้นเกลือป่น เมื่อใส่ครบ คนให้เข้ากัน ค่อยๆเติมเกลือป่นลงไปตัวเกลือจะไปปรับให้สบู่เหลวของเราข้นขึ้นค่ะ ทีนี้เราก็จะได้สบู่เหลวอาบน้ำแบบThe Body Shop เอาไว้ใช้ ตัวสำคัญที่ช่วยให้ผิวนุ่มไม่แห้งกร้านคือ ตัวกลีเซอรีนและน้ำมันมะกอก จะสังเกตได้ว่าหลังจากอาบน้ำผิวจะนุ่มและลื่นขึ้นค่ะ....ลองทำดูนะคะ พวกสารเคมีบางตัวมีขายตามร้านขายเคมีภัณฑ์ทั่วๆไปค่ะ ถ้าใครไม่ชอบกลิ่นของน้ำมันมะกอกจะใส่กลิ่นอื่นก็ได้นะคะ เช่น มะลิ แอปเปิ้ล ก็หอมไปอีกแบบค่ะ
Olve oil facial cleanser recipe
วันนี้โฟมล้างหน้าที่ใช้เริ่มบีบไม่ออกแล้ว เสียตังค์ซื้ออีกสิเรา.....จะว่าไปแล้วในท้องตลาดก็มีผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าหลากหลายยี่ห้อและราคาก็ต่างกันไป ก็เลยแอบคิดว่าทางต่างประเทศจะมีใครเขามาทำcleanser ใช้เองไหมเนี่ย พอลองsearch เข้าไปดู ถึงรู้ว่า มีสูตรล้านแปดตำรับเลยค่ะ สำหรับสูตรที่จะมาpresent วันนี้เป็นตำรับที่ตัวเองชอบเพราะมีสบู่ผสมอยู่เนื่องจากชอบใช้สบู่เหลวและโฟมล้างหน้ามากกว่าจะเป็นcleanserแบบอื่น ลองมาดูกันค่ะว่าตำรับนี้ตรงใจคุณบ้างไหม
ส่วนผสม
1. สบู่เหลวอาบน้ำของเด็กสูตรไม่ระคายเคืองตา 2 ช้อนชา (อันนี้เข้าใจว่าถ้าผิวเด็กอันแสนบอบบางไม่แพ้แล้ว เนี่ย สภาพหนังหน้าแบบดิฉัน ก็คงไม่แพ้เช่นกันค่ะ)
2. น้ำดื่ม 2 ช้อนโต๊ะ (จะเอาน้ำดื่มคริสตัล ที่กินแล้วหน้าใสปิ๊งก็ไม่ว่ากันค่ะ)
3. กลีเซอรีน 2 ช้อนโต๊ะ ถ้าหาไม่ได้ ก็ใช้น้ำผึ้งสวนจิตรลดาที่มีขายใน 7-11 ก็ได้ค่ะ
4. น้ำมันมะกอก ครึ่งถ้วยตวง (จะเอาแบบที่ทำกับข้าวก็ได้นะคะไม่ว่ากัน)
วิธิทำ
นำส่วนผสมทุกตัวผสมให้เข้ากันคนหรือจะเทใส่เครื่องปั่นก็ได้ค่ะ ตีให้เป็นเนื้อเดียวกัน เสร็จแล้วเทใส่ขวดหัวปั๊ม สามารถเก็บไว้ได้นาน 1 เดือนค่ะ
สูตรนี้มีข้อดีคือ เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว และสามารถล้างเครื่องสำอางได้หมดจดด้วยค่ะ หากอยากทำการสครับหน้า ก็อาจใช้น้ำตาลทรายผสมลงไปในสบู่เล็กน้อยแล้วนวดทั่วใบหน้า แล้วล้างออก ผิวจะนุ่มและใสขึ้นจนสัมผัสได้ค่ะ ^__^
วันพุธที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
Firming Coffee body lotion คุณค่าที่คุณคู่ควร....
มาแล้วค่ะ หลังจากที่post เรื่องการทำสครับกาแฟไปแล้ว มีคนติดตามอ่านเพียบ จริงๆแล้ว สครับอย่างเดียวดูเหมือนว่าจะยังไม่ครบสูตร ต้องมีตัวช่วยที่คู่ควรกันด้วย นั่นคือ โลชั่นกาแฟบำรุงผิว ยังไงล่ะคะ โลชั่นที่ว่านี้ไม่ได้บำรุงผิวอย่างเดียวนะคะ...ยิ่งทา ยิ่งFirm ค่ะ ก็เพราะฤทธิ์เดชของคาเฟอีนนั่นแหล่ะค่ะที่ช่วยเร่งเผาผลาญเซลลูไล้ท์อีกทางหนึ่ง เอาล่ะ มาดูกัน ว่าส่วนผสมจะเข้าขั้นเทพ ขนาดไหน
1. Emulsifying wax ครึ่ง ถ้วย
2. น้ำมันมะกอก ครึ่งถ้วย ถ้าไม่มีจะใช้น้ำมันอื่นๆก็ได้ค่ะ (ยกเว้นน้ำมันหมูค่ะ^_^ยังฮาได้อีก)
3. ผงกาแฟ 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำร้อน หนึ่งถ้วยครึ่งค่ะ
4. วิตามินอี 1-2 แคปซูล หรือครึ่งช้อนชาก็ได้ค่ะ
5. น้ำมันเปลือกส้ม หรือ กลิ่นวนิลา หรือ กลิ่นมินท์ 10 หยด
เมื่อพร้อมแล้วลงมือแปลงร่างกันเลยค่ะ เริ่มต้นก็คือ เอาEmulsifying wax+น้ำมันมะกอก หลอมด้วยความร้อน พอละลายกลายเป็นน้ำใสๆ เสร็จแล้วเทลงในน้ำกาแฟที่เตรียมไว้ในข้อ2 คนเรื่อยๆ จนเริ่มกลายเป็นเนื้อโลชั่นให้ใส่วิตามินอี และกลิ่นที่ชอบลงไป ส่วนตัวแล้วชอบกลิ่นวนิลลา เพราะกาแฟมันกลิ่นแรงมาก พอเหยาะกลิ่นวนิลลาลงไปกลิ่นจะออกมาประมาณกาแฟใส่นมสด อืมมม เข้ากันค่ะ ทีนี้ก็คนต่อไปให้เข้ากันแล้ว เทโลชั่นที่ได้ลงในกระปุก เวลาจะใช้ก็ทาหลังจากที่อาบน้ำหรือหลังการใช้สครับกาแฟ ทีนี้ล่ะค่ะ กระบวนการเร่งเผาผลาญก็จะเกิดแบบ non-stop กันเลยทีเดียว อย่าลืมดื่มน้ำบ่อยๆระหว่างวันนะคะ เพราะร่างกายต้องการน้ำในการเร่งเผาผลาญไขมันค่ะ ...ขอให้ทุกคนมีความสุขกับภารกิจพิชิตไขมันนะคะ :)
1. Emulsifying wax ครึ่ง ถ้วย
2. น้ำมันมะกอก ครึ่งถ้วย ถ้าไม่มีจะใช้น้ำมันอื่นๆก็ได้ค่ะ (ยกเว้นน้ำมันหมูค่ะ^_^ยังฮาได้อีก)
3. ผงกาแฟ 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำร้อน หนึ่งถ้วยครึ่งค่ะ
4. วิตามินอี 1-2 แคปซูล หรือครึ่งช้อนชาก็ได้ค่ะ
5. น้ำมันเปลือกส้ม หรือ กลิ่นวนิลา หรือ กลิ่นมินท์ 10 หยด
เมื่อพร้อมแล้วลงมือแปลงร่างกันเลยค่ะ เริ่มต้นก็คือ เอาEmulsifying wax+น้ำมันมะกอก หลอมด้วยความร้อน พอละลายกลายเป็นน้ำใสๆ เสร็จแล้วเทลงในน้ำกาแฟที่เตรียมไว้ในข้อ2 คนเรื่อยๆ จนเริ่มกลายเป็นเนื้อโลชั่นให้ใส่วิตามินอี และกลิ่นที่ชอบลงไป ส่วนตัวแล้วชอบกลิ่นวนิลลา เพราะกาแฟมันกลิ่นแรงมาก พอเหยาะกลิ่นวนิลลาลงไปกลิ่นจะออกมาประมาณกาแฟใส่นมสด อืมมม เข้ากันค่ะ ทีนี้ก็คนต่อไปให้เข้ากันแล้ว เทโลชั่นที่ได้ลงในกระปุก เวลาจะใช้ก็ทาหลังจากที่อาบน้ำหรือหลังการใช้สครับกาแฟ ทีนี้ล่ะค่ะ กระบวนการเร่งเผาผลาญก็จะเกิดแบบ non-stop กันเลยทีเดียว อย่าลืมดื่มน้ำบ่อยๆระหว่างวันนะคะ เพราะร่างกายต้องการน้ำในการเร่งเผาผลาญไขมันค่ะ ...ขอให้ทุกคนมีความสุขกับภารกิจพิชิตไขมันนะคะ :)
วันอังคารที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
Irish Cream Sugar Scrub
สครับที่หน้าตาดูน่าใช้อีกตำรับหนึ่ง ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการอาบน้ำแร่ แช่น้ำนม เพราะตัวนี้มีนมเป็นส่วนประกอบค่ะ มาดูกันว่าส่วนผสมจะไฮโซ แค่ไหน
1. น้ำตาลทรายขาว 1 ถ้วย
2. นมผง 1 ช้อนโต๊ะ ถ้าหาไม่เจอไปซื้อนมผงสมุนไพรที่เอาไว้ใช้ขัดหน้าที่ 7-11 ก็ใช้ได้ค่ะ
3. น้ำมันมะพร้าว ครึ่ง ถ้วย
4. น้ำมัน Peppermint 2-3 หยดตามชอบค่ะ
5. สีผสมอาหารสีเขียว 2-3 หยด
จากนั้นนำส่วนผสมทั้งหมดคลุกให้เข้ากันเสร็จแล้วก็เก็บใส่ภาชนะที่สวยงามและปิดสนิท เก็บให้ห่างจากรังมด ด้วยนะคะ เพราะตำรับนี้หอมนมและกลิ่นมินท์ เป็นที่สุดค่ะ เวลาขัดแล้วได้อารมณ์เหมือนกำลังแช่อยู่ในน้ำนมเลยล่ะค่ะ คืนนี้นอนหลับฝันดีนะคะ Have a good dream with your scrub!!!!
1. น้ำตาลทรายขาว 1 ถ้วย
2. นมผง 1 ช้อนโต๊ะ ถ้าหาไม่เจอไปซื้อนมผงสมุนไพรที่เอาไว้ใช้ขัดหน้าที่ 7-11 ก็ใช้ได้ค่ะ
3. น้ำมันมะพร้าว ครึ่ง ถ้วย
4. น้ำมัน Peppermint 2-3 หยดตามชอบค่ะ
5. สีผสมอาหารสีเขียว 2-3 หยด
จากนั้นนำส่วนผสมทั้งหมดคลุกให้เข้ากันเสร็จแล้วก็เก็บใส่ภาชนะที่สวยงามและปิดสนิท เก็บให้ห่างจากรังมด ด้วยนะคะ เพราะตำรับนี้หอมนมและกลิ่นมินท์ เป็นที่สุดค่ะ เวลาขัดแล้วได้อารมณ์เหมือนกำลังแช่อยู่ในน้ำนมเลยล่ะค่ะ คืนนี้นอนหลับฝันดีนะคะ Have a good dream with your scrub!!!!
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)