วันพฤหัสบดีที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2555

Detox toner ...โทนเนอร์สำหรับสาว office ที่ชอบแต่งหน้าจัด

สำหรับสาวๆ office ทั้งหลาย ที่ต้องแต่งหน้าทุกวัน และสาวๆที่ต้องแต่งหน้าแบบจัดเต็ม อาจจะกังวลใจว่าเครื่องสำอางค์ที่แต่งทุกวัน จะเป็นสาเหตุที่หน้าจะไปก่อนวัยอันควร หรือเปล่า... ในความเป็นจริงแล้ว ใช่ค่ะ โดยเฉพาะเครื่องสำอางค์ที่กันน้ำ ซึ่งปกติล้างออกค่อนข้างยาก มักจะตกค้างและสะสมอยู่บนใบหน้า ซึ่งเรามองไม่เห็น แต่สามารถเป็นสาเหตุให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้าได้เหมือนกัน วันนี้จะแนะนำ Detox toner สำหรับล้างสารต่างๆที่ตกค้างอยู่บนหน้าโดยไม่ต้องใช้แอลกอฮอล์ค่ะ
1. ชาเขียว 2 ช้อนโต๊ะ
2.น้ำร้อนจัด 1 แก้ว
วิธีทำคือ แช่ชาเขียวลงในน้ำร้อนจัด 15-20 นาที แล้วแยกเอากากออก ทิ้งไว้ให้เย็น นำมาใส่ขวดสะอาดที่มีฝาปิดสนิท แค่นี้เราก็จะได้ Toner ที่พร้อมสำหรับล้างสารตกค้างที่อยู่บนผิวค่ะ สำหรับสาวๆที่สิวเยอะ อาจจะหยด Teatree oil ลงไปซัก 1-2 หยดนะคะ จะได้ฆ่าเชื้อแบคทีเรียบนหน้าได้ด้วยค่ะ ตำรับนี้ใช้ได้ทั้ง เช้า-เย็น และเมื่อเก็บไว้ในตู้เย็นมีอายุ 3 วัน ตำรับนี้เหมาะสำหรับทุกสภาพผิวค่ะ ขอให้มีความสุขกับการดูแลผิวนะคะ ^_^

วันพุธที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2555

Toner กระชับผิว...สิ่งดีๆที่ได้จากธรรมชาติ :)


หลังจากที่เราแบกหน้าออกไปผจญภัยโลกภายนอกมาทั้งวัน ถึงเวลาแล้วที่หน้าจะได้รับการผ่อนคลายบ้าง เมื่อล้างหน้าเสร็จแล้วก็ต้องใช้Toner ปรับสภาพผิว เพื่อกระชับรูขุมขน และเพิ่มมอยส์เจอไรเซอร์ให้ผิว ผิวจะได้ชุ่มชื้น และดูอ่อนใส ยังไงล่ะคะ วันนี้มีตำรับToner ที่เหมาะสำหรับทุกสภาพผิวมาฝากกันค่ะ
  เตรียมดอกกุหลาบสีชมพูมาซัก 5-6 ดอก เป็นไปได้ควรจะปลอดยาฆ่าแมลงนะคะ ดูได้ว่ามีรอยหนอนกัดไหม ถ้าสวยมากจะดูไม่ปลอดภัยค่ะ เสร็จแล้วล้างดอกกุหลาบให้สะอาด เด็ดออกมาทีละกลีบจนหมด แล้วใส่ลงไปในหม้อสองชั้น เติมน้ำให้พอท่วม แล้วตั้งไฟอ่อน ดูจนดอกกุหลาบสีซีด แล้วยกลงค่ะ อย่าต้มโดยตรงนะคะ ไม่งั้นวิตามินหายหมด555 ทิ้งไว้ให้เย็น เก็บใส่ขวดที่สะอาดปิดฝาเข้าตู้เย็น ค่ะ เราก็จะได้Toner ที่เรียกว่า Rosewater toner ซึ่งเป็นตัวที่เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวดูอ่อนวัย โดยไม่ต้องไปพึ่ง SK II เลยล่ะค่ะ ตำรับนี้เก็บในตู้เย็นจะมีอายุ 10 วัน ลองใช้ดูนะคะ ทำง่ายๆแต่ได้ของที่ดีค่ะ .^_^

โลชั่นกันแดดราคาประหยัดที่ทำง่ายที่สุดในโลก ^_^

เคยสงสัยไหมคะว่าครีมกันแดดที่ใช้อยู่ทุกวันนี้มีค่า SPF เท่ากับที่ระบุไว้บนฉลากไหม และใครจะมาตรวจสอบให้เราได้บ้าง ตอบได้เลยค่ะว่ายาก ส่วนใหญ่เท่าที่ทราบมาค่าSPF ที่ระบุบนฉลากมักจะสูงกว่าที่มีในผลิตภัณฑ์ ดังนั้นปลอดภัยสุดๆคือการเลือกSPF สูงๆเข้าไว้เดี๋ยวมันก็กันได้เองแหล่ะ 555 แต่ว่าครีมกันแดดที่ SPF สูงๆนี่สิคะ ราคามันก็สูงลิ่วไปตามค่าSPFอีกต่างหาก ด้วยความงกส่วนตัว และความกลัวว่าจะแพ้สารเคมีมันปะปนกัน ก็เลยไปค้นดูว่า พวกฝรั่งที่ขี้กลัวกว่าเรา เขาใช้อะไรกัน พบว่ามีสารอยู่ตัวหนึ่งที่เขาเรียกว่าเป็นสารกันแดดแบบ Physical คือไม่ดูดซึมเข้าสู่ผิว และไม่เกิดการระคายเคืองผิว หนำซ้ำยังช่วยปกป้อง ทั้ง UV A& UV B เป็นอย่างดี นั่นคือ Zinc Oxide ค่ะ และไม่ต้องไปหาแบบmicronizeให้เปลืองเงินนะคะ ใช้แบบธรรมดานี่แหล่ะค่ะ เท่าที่ทราบนี่ตอนนี้ตัวนี้มีขายทั่วไปในร้านเคมีภัณฑ์ ค่ะ วันนี้เราจะมาทำ โลชั่นกันแดด SPF 30 มาใช้กัน ไปดูสูตรเลยค่ะ  1. Zinc Oxide  30 กรัม
2. โลชั่นทาตัวกลิ่นที่ชอบ ขออย่าให้มีน้ำมันที่มาจากส้มผสมอยู่นะคะ เพราะจะทำให้ผิวคล้ำง่ายค่ะ ประมาณ 70 กรัม

วิธีทำง่ายมากค่ะ ผสมรวมกันเลย แค่นี้ก็จะได้โลชั่นกันแดดแบบของเราที่ SPF สูงสมใจ อันนี้ไม่ได้โม้นะคะ เพราะเขาพิสูจน์แล้วว่า 1%ของ Zinc Oxide จะเทียบเท่ากับ 1 SPF จริงๆ
ส่วนใครที่ไม่มีZinc Oxide หาซื้อไม่ได้ ใช้ครีมกันผื่นผ้าอ้อมของเด็กเล็กๆที่เหลือใช้ก็ได้ค่ะ ตัวนั้นมีZinc oxide ประมาณ 40% ซึ่งถ้าจะเอามาทำในสูตรด้านบน ต้องใช้ ครีมกันผื่นผ้าอ้อม 75 กรัมค่ะ ซึ่งต้องลดตัวโลชั่นลงเหลือ 25 กรัม ซึ่ง มันอาจจะทำให้รู้สึกเหนอะหนะกว่าใช้Zinc oxide เปล่าๆ แต่อาจจะลองปรับตามสูตรด้านล่างนี้ดูนะคะ
1. ครีมกันผื่นผ้าอ้อม 75 กรัม
2. น้ำต้มสุกที่อุ่นๆ 25 กรัม
3. น้ำมันหอมระเหยที่ชอบเพื่อเพิ่มกลิ่นให้หอม 10 หยด
ผสมทุกอย่างให้เข้ากันคนจนเป็นเนื้อเดียว ก็จะได้โลชั่นกันแดดอีกแบบหนึ่งที่เป็น กลิ่นของคุณเองโดยเฉพาะค่ะ :)

วันจันทร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2555

Easy Cleansing wipe ทำเองก็ได้ง่ายจัง....


มีใครชอบใช้กระดาษเช็ดหน้าแบบเปียกบ้างคะ จะเห็นว่า สินค้าตัวนี้เริ่มมีบทบาทสำคัญกับผู้หญิงเรา เนื่องจากว่าสะดวกและใช้เช็ดคราบเครื่องสำอางค์แบบกันน้ำได้หมดจด รวมทั้งพกพาค่อนข้างสะดวกด้วยค่ะ วันนี้มีสูตรการทำกระดาษเช็ดหน้าแบบง่ายๆ เป็นสูตร alcohol free ด้วยนะคะ
1. เบบี้โลชั่น 1 ถ้วยตวง
2. น้ำต้มสุกที่อุ่น 1/2 ถ้วยตวง
3. กลิ่นตามชอบค่ะ หรือว่่าไม่ต้องใส่ก็ได้
2. เจลว่านหางจรเข้ ขององค์การเภสัช 1 ช้อนชา

นำส่วนผสมทุกอย่างมาผสมให้เข้ากัน จะได้สารละลายขุ่นๆแช่สำลีแผ่นลงไปจนสำลีซับสารละลายจนหมด ลักษณะของสำลีจะเปียกแต่ไม่ต้องโชกมากค่ะ เก็บไว้ในตู้เย็นในกล่องพลาสติกใสที่มีฝาปิด เวลาใช้ก็สามารถใช้ได้ทันทีค่ะ และสามารถเก็บไว้ได้นานประมาณ 1 เดือน อยากพิ่มสารตัวไหนที่ช่วยบำรุงผิวก็สามารถเติมลงไปได้นะคะ เช่น วิตามิน อี, วิตามิน ซี, หรือชาเขียว ก็ช่วยทำให้ผิวมีสุขภาพดีได้ด้วยค่ะ ^_^

วันอาทิตย์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2555

Mojito sasa scrub สำหรับคนรัก SPY....

เพิ่งได้อ่านเมล พบว่าตอนนี้ SPY เขาออกค็อกเทลตัวใหม่ ที่ชื่อว่า Mojito แต่ดันอ่านว่า โมฮิโต้ ไม่รู้ว่าใส่ตัว j ไปทำไม (สงสัยใส่ไว้ให้ถาม 5555) มันมีstory อยู่นะคะว่า เป็นเครื่องดื่มที่นิยมดื่มกันในลาตินอเมริกา เอ่อ วันนี้ เลยได้ไอเดียเริ่ดๆ มาจับทำสครับ สไตล์ Mojito Sasa Scrub เรย อิๆๆ
ส่วนผสม
1. มะนาว ครึ่งผล หั่นซีกเลยค่ะ
2. ใบสะระแหน่ สดๆ 1 กำมือ
3. น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
4. น้ำมันพืชหรือเบบี้ออยล์
5. สบู่เหลวกลิ่นอ่อนๆ 1/2 ถ้วยค่ะ

เริ่มที่ เอามะนาวกับใบสะระแหน่มาบดรวมกันให้ละเอียด หากไม่มีเครื่องปั่นก็ซอยหั่นเป็นชิ้นเล็กๆค่ะ นำทุกอย่างคลุกรวมกันในชามถ้าดูเหลวไปให้เติมน้ำตาลทรายจนข้น เทใส่โถที่มีฝาปิดสนิท เก็บไว้ในตู้เย็นค่ะ เวลาใช้ก็ใช้อาบน้ำพร้อมขัดตัวไปด้วย มะนาวและสะระแหน่ จะช่วยให้รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ตำรับนี้จึงเหมาะสำหรับคนเมาค้างค่ะ แต่สำหรับขัดตัวนะคะ ไม่ได้เอามากิน 55555+

วันเสาร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ขาวใสไปกับสครับมะเฟืองขัดผิว....

มะเฟืองเป็นพืชที่เราพบเห็นทั่วๆไป และราคาก็ยังถูกแสนถูก โดยเฉพาะมะเฟืองเปรี้ยว คงไม่ค่อยมีใครชอบทานมากเท่ากับมะเฟืองหวาน แต่ทราบไหมคะว่าในมะเฟืองอุดมไปด้วยวิตามินซีสูงรวมทั้งมีสารพวกantioxidant ที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย และมักจะมีปริมาณสูงในมะเฟือง จะเห็นได้ว่าเริ่มมีสินค้ากลุ่มโทนเนอร์ที่ผสมสารสกัดจากมะเฟือง ในการปรับสภาพผิว ส่วนในวันนี้จะเสนอการทำสครับมะเฟือง ที่ใช้ขัดผิวให้ขาวใส และไม่ยุ่งยากในการปรนนิบัติผิวคุณด้วยค่ะ
ส่วนประกอบ
1. เกลือป่น หนึ่งถ้วยตวง
2. สบู่เหลวกลิ่นที่ชอบ ครึ่งถ้วยตวง
3. น้ำมะเฟืองคั้นสดๆ 1/4 ถ้วยตวง
4. กลีเซอรีน 2 ช้อนโต๊ะ
5. น้ำมันพืช หรือbaby oil 1 ช้อนโต๊ะ

ผสมทุกอย่างให้เข้ากันในชามถ้าส่วนผสมเหลวไปให้เติมเกลือป่นเพิ่มจนได้ความข้นตามต้องการ เราก็จะได้สครับที่อุดมด้วยวิตามินซีและสารต่อต้านอนุมูลอิสระในแบบฉบับของเราค่ะ สูตรนี้สามารถใช้ขัดผิวและอาบน้ำไปด้วยเนื่องจากเราผสมสบู่เหลวลงไป ถือว่าประหยัดเวลาไปได้เยอะเลยค่ะ สำหรับการเก็บรักษาสครับ ให้เก็บไว้ในตู้เย็นนะคะในกระปุกสีชาที่ทึบแสงเพื่อคงคุณค่าวิตามินให้คงอยู่และเก็บไว้ได้นานหนึ่งเดือนค่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ทำมาส์กหน้าใสด้วยมะขามกันดีกว่า ....

มะขามเป็นพืชท้องถิ่นในประเทศไทย และที่เรารู้จักกันมาอย่างดีคือมะขามเปียก ที่ต้องมีติดครัวไว้แทบทุกบ้าน นอกจากมะขามจะใช้สำหรับปรุงรสอาหารให้เปรี้ยวแซ่บ แล้ว ในสมัยโบราณเรายังรู้ว่าเขาเอามาขัดผิวร่วมกับขมิ้น แต่วันนี้คงไม่ต้องถึงกับขนาดนั้นเพราะมันจะดูเป็นงานช้างไป จะขอเอามะขามเปียกท้ายครัวมาทำครีมมาส์กหน้าให้สวยใส มาเตรียมของกันดีกว่าค่ะ
1. มะขามเปียก 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำร้อน 1 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากันจนเป็นเนื้อครีม
2. นมสด 1 ช้อนโต๊ะ
3. น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำมันพืช 1 ช้อนชา

 นำส่วนผสมทั้งหมดคนให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเดียวกัน วิธีการใช้คือ ล้างหน้าให้สะอาดก่อนแล้วทาครีมที่ทำไว้ลงไปแล้วทิ้งไว้ 5 นาที อาจจะคันยิบๆบ้าง เพราะในมะขามมีAHA ตามธรรมชาติ ถ้าทนไม่ไหวก็ล้างออกนะคะ ทำวันเว้นวัน ประมาณ หนึ่งสัปดาห์จะเริ่มเห็นผลค่ะ ส่วนผสมทั้งหมดถ้าทำแล้วใช้ไม่หมดให้เก็บเข้าตู้เย็นค่ะ มีอายุหลังผสมประมาณ หนึ่งสัปดาห์...

มาลดกลิ่นอับเท้าด้วยBath soak กันดีกว่าค่ะ

เข้าหน้าฝนแล้ว น่าเห็นใจสำหรับสาวๆที่ ต้องใส่รองเท้าคัทชูตลอดวัน สิ่งที่ตามมาคือกลิ่นเหม็นอับ วันนี้ จะมาลองทำ เกลือแช่เท้าสูตร Detox สารพิษกันค่ะ ลองมาดูกันว่ามีส่วนผสมอะไรบ้าง
1. น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
2. ผงฟู 1 ช้อนโต๊ะ
3. เบบี้ออยล์ หรือน้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
4. ขิงผง หรือ ชาเขียวแบบผง หรือ ชาเขียวแบบเป็นใบๆ ก็ได้ค่ะ 1 ช้อนโต๊ะ
5. เปลือกส้ม หรือเปลือกมะนาว หรือเปลือกมะกรูด ซอยละเอียด หรือใส่เครื่องบดให้ละเอียดก็ได้ค่ะ
6. น้ำมันหอมระเหย ถ้าไม่มีใช้ยูคาลิปตัส หรือจะไม่ใช้เลยก็ได้ค่ะ
7. เกลือป่น หรือจะเกลือเม็ดใหญ่ก็ได้ค่ะ ครึ่งถ้วย
จากนั้นนำส่วนผสมทุกอย่างคนรวมกันจนเป็นเนื้อเดียวเก็บไว้ในตู้เย็น เวลาจะใช้ ก็ตักมาผสมกับน้ำอุ่น แช่เท้าลงไปจนน้ำหายอุ่น จะขัดเท้าไปด้วยก็ได้นะคะ เสร็จแล้วล้างด้วยน้ำเปล่า เช็ดท้าให้สะอาดเป็นอันเสร็จพิธี นอกากเท้าจะหายเหม็นแล้ว ยังมีความนุ่มเพิ่มขึ้นอีกต่างหาก และลดอาการเมื่อยล้าได้เป็นอย่างดีค่ะ ^_^

สครับขัดผิวขาวใสจากทับทิมสดๆ จ้า...

           สครับที่ขาวใส นอกจากมะหาด และพวกวิตามินซีแล้ว ผลไม้บางอย่างก็สามารถนำมาทำสครับได้เหมือนกัน วันนี้จะมาลองเสนอไอเดียการทำสครับจากทับทิมกันค่ะ เนื่องจากในทับทิมมี กรดผลไม้ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว และมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่แรงกว่าชาเขียวอีกด้วยนะคะ ลองมาดูส่วนผสมกันค่ะ
1. เมล็ดทับทิมที่คั้นเอาแต่น้ำ 1 ช้อนโต๊ะ
2. น้ำมันพืชหรือเบบี้ออยล์ 2 ช้อนโต๊ะ
3. สบู่เหลว 2 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
5. เปลือกส้มเขียวหวานหั่นละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
6. น้ำตาลทราย หรือเกลือป่นก็ได้  2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำก็คือผสมทุกอย่างเข้าด้วยกันและใช้แทนครีมอาบน้ำได้เลยค่ะ วิธีการใช้อย่างเกิดผลคือ เอาสครับขัดลงบนผิวเบาๆ วนไปเรื่อยๆจนน้ำตาลหรือเกลือละลายจนหมดจึงล้างน้ำเปล่าออก จนหมด จะร้สึกว่า ผิวจะนุ่ม และค่อยๆขาวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติค่ะ


Homemade Shaving gel เจลโกนหนวดสำหรับคุณผู้ชายในสไตล์แบบคุณ ^_^

มาแล้วค่ะ ตำรับสำคัญของคุณผู้ชายทั้งหลาย นั่นคือ เจลโกนหนวดค่ะ ยังไงก็ไม่มีใครคัดค้านใช่ไหมคะ ว่าไม่ได้ใช้ 555  ซึ่งยี่ห้อที่คุณผู้ชายทั้งหลายใช้กันก็มีไม่กี่ยี่ห้อและราคาก็แพงพอสมควร ถ้าหากว่าเราสามารถทำเองได้ง่ายๆแบบว่าไม่ต้องเสียเงินทีละเยอะๆ คิดว่าน่าสนใจไหมล่ะคะ ลองมาดูกันดีกว่าค่ะว่าที่เราจะมาทำกันมีส่วนประกอบอะไรบ้าง
1. สบู่เหลว แบบอ่อนโยน หรือแบบที่คุณชอบ ครึ่งถ้วยตวง
2. น้ำร้อน 1/4 ถ้วย
3. เกลือป่น ครึ่งช้อนชาค่ะ
4. กลีเซอรีน 2 ช้อนโต๊ะ (ตัวนี้หากหายากก็ไม่ต้องก็ได้ค่ะ อาจใช้น้ำผึ้งแทนก็ได้ค่ะ)
5. เจลว่านหางจรเข้ 2 ช้อนโต๊ะ ใช้ขององค์การเภสัชก็ได้ค่ะหลอดละ สามสิบบาทเอง ถ้ามีแบบสดๆ ก็ล้างเมือกออกให้หมดปอกแล้วคั้นเอาแต่น้ำก็ใช้ได้เหมือนกัน แต่อาจจะมีกลิ่นเหม็นเขียวนิดๆ
6. น้ำมันทีทรี 8 หยด ถ้าหาไม่ได้จริงๆ เอาน้ำมันยูคาลิปตัสก็ได้ค่ะ เป็นตัวฆ่าเชื้อค่ะ

นำส่วนผสมทั้งหมดยกเว้นน้ำมันข้อ 6 ผสมรวมกันคนให้เข้ากัน พอเริ่มอุ่นค่อยหยดน้ำมันข้อ6 ลงไป เก็บในขวดแก้วสีชา ถ้าลองเทียบดูแล้วราคาถูกกว่าครึ่งต่อครึ่งค่ะ แถมด้วยเรื่องกลิ่นที่คุณสามารถเปลี่ยนกลิ่นได้ด้วย สบู่เหลว ที่ใช้อีกด้วย แล้วคุณก็จะได้เจลโกนหนวดราคาประหยัดในแบบฉบับของตัวคุณเอง ^_^


วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2555

มาทำครีมนวดผมที่เร่งผมยาวทันใจใช้กันดีกว่าค่ะ....

ต้นเหตุมันมาจากการไปยืดผมที่ใช้น้ำยายืดคุณภาพไม่ดี ที่เป็นผลพวงของความงก เลยได้ผมเป็นแบบไม้กวาดมาเยี่ยงนี้ เลยต้องตัดผมให้สั้นลง และรอคอยว่าเมื่อไหร่มันจะยาวซักที ใช้แชมพูและครีมนวดสารพัดก็แล้ว นับวันรอก็แล้ว มันก็ยังไม่ยาวทันใจ สงสัยจะไม่ได้การซะแล้ว ลองมาดูฝรั่งบ้างสิว่า เขาใช้อะไรกันบ้าง เห็นแต่ละตัวแล้ว เอ่อ ลมจะจับค่ะ ยัมมี่สุดชีวิต ทั้ง มายองเนส น้ำส้มสายชู ไข่แดง น้ำมันมะกอก สงสัยหัวจะกลายเป็นสลัดครีมข้นแน่ๆ แต่ไปเจออยู่เวบหนึ่ง สูตรดูดีมีชาติตระกูลขึ้นมาเลยทีเดียว เลยจับมาทำครีมนวด สูตร SA-SA treatment มันซะเลย มาดูกันค่ะว่าจะมีอะไรบ้าง
1. ชาเขียวแบบชง ที่เป็น ซอง เอามาชงกับน้ำ1 แก้ว ถ้ามีเป็นแบบซองใหญ่เอามาประมาณ 1 ช้อน แล้วชงกับน้ำร้อน 1 แก้วค่ะ
2. Emulsifying wax 1 ช้อนโต๊ะ ตัวนี้เป็นตัวหลักเลยค่ะสำหรับทำครีมหรือโลชั่น
3. น้ำมันพืชที่ไว้ทำกับข้าวค่ะ 2 ช้อนโต๊ะ อันนี้ประหยัดนะคะ แต่ใครมีน้ำมันมะพร้าวก็ใช้ได้ค่ะหรือใช้เบบี้ออยล์ก็ได้ค่ะ
4. น้ำมันหอมระเหยกลิ่นที่ชอบ ถ้าไม่มีเอากลิ่นที่ใส่ขนมอบก็ได้ค่ะ มีกลิ่นชาเขียวด้วยนะคะ ขวดสิบกว่าบาทเอง แต่อย่าใส่เยอะนะคะซัก10หยดพอเดี๋ยวครีมนวดจะไม่ข้น
5. วิตามินอี เอาแบบที่กินก็ได้ค่ะเอามาซัก 2 แคปซูล
ให้เอาส่วนที่เป็นน้ำมัน 2+3 หลอมให้ละลาย แล้ว เทลงไปในชาเขียวที่ยังร้อนอยู่ ควรจะต้องร้อนนะคะ เพราะถ้าเอาไขมันที่ร้อนมาลงน้ำเย็นกว่า ไขมัน จะสะดุ้งแล้วแยกตัวไม่เกิดครีมค่ะ จากนั้นก็คนไปเรื่อยๆจนเป็นครีมข้น พอเริ่มอุ่นใส่กลิ่นและวิตามินอี เก็บใส่กระปุก ก็จะได้ครีมบำรุงผมราคาประหยัดและสร้างสรรค์จากธรรมชาติค่ะ  เหตุผลที่เลือกชาเขียวเพราะเป็นตัวหนึ่งที่ช่วยให้ผมยาวไวและมีสารanti-oxidant ช่วยป้องกันผมจากมลภาวะด้วยค่ะ ส่วนพวกน้ำมันจะทำให้ผมนุ่มขึ้น ไม่มีสารอะไรเยอะแยะจนน่าปวดหัวเหมือนข้างขวดครีมนวดยี่ห้อดัง(ไม่รู้เขากลัวเราจะcopy สูตรหรือไงนะ ใส่มันไปร่วมร้อยตัว ประมาณว่ามันต้องมีซักตัวที่ออกฤทธิ์ 555) ขอให้มีความสุขกับการทำทรีตเม้นต์บำรุงผมนะคะ :)

วันเสาร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2555

แชมพูสำหรับคนหัวกะทิ ^_^

 เข้าไปอ่านเวบบล็อก ของพวกฝรั่ง จะเห็นได้ว่า เขาค่อนข้างจะคลั่งไคล้กลิ่นมะพร้าว พอๆกับกลิ่นลาเวนเดอร์เลยทีเดียว หนีไม่พ้นที่ต้องเอามะพร้าวมาทำผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ไม่ว่าจะเป็น ครีม โลชั่น หรือแม้กระทั่งแชมพู ซึ่งเวลาจะใช้เขาจะเอาส่วนที่เรียกว่า coconut milk มาใช้ผสมลงไป บ้านเราเขาเรียกตัวนี้ว่า กะทิ ค่ะ สำหรับพวกเราเองคงจะดูแปลกสักหน่อยที่จะเอากะทิ มาสระผม แต่ได้อ่านแล้วเจอว่าฝรั่งบางคนเป็นรังแคเรื้อรัง แบบที่ไม่ใช่เชื้อรา เขาลองทำแชมพูจากกะทิแล้วพบว่า รังแคที่มีลดลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่ต้องไปซื้อแชมพูขจัดรังแคที่ได้ผลบ้าง ไม่ได้ผลบ้าง ว่าแต่ จะช้าอยู่ทำไม ลองดูหน่อยซิว่าเราจะดัดแปลงยังไงได้บ้าง
1. แชมพูเด็กน้อย 1/3 ถ้วยตวง
2. กะทิแบบสดๆ หรือแบบกระป๋องก็ได้ค่ะ 1/4ถ้วยตวง
3. วิตามินอี 1 ช้อนชา ถ้าไม่มีเอาแบบแคปซูลที่กิน หรือแคปซูลที่ใส่ผมก็ได้ค่ะ บีบใส่ให้ได้ 1 ช้อนชา
4. น้ำมันหอมระเหย ตามชอบ แต่จริงๆกลิ่นกะทิแรงพอสมควร ถ้าคิดจะมากลบกลิ่น ท่าจะยากค่ะ ส่วนใหญ่จะใส่เพื่อผลบางอย่าง เช่นเอาไว้ฆ่าเชื้อ ถ้ามันยุ่งยากมาก ไม่ต้องใส่ก็ได้ค่ะ

ผสมทุกอย่างเข้าด้วยกัน คุณก็จะมี coconut milk shampoo ที่ไม่เหมือนใครเป็นของตัวเองหนึ่งขวดค่ะ
ตำรับนี้นอกจากรังแคหายแล้วพบว่า ผมนุ่มขึ้น และผมยาวเร็วขึ้นอีกด้วย สำหรับอายุการใช้งานประมาณ 1 เดือนค่ะ ก่อนใช้เขย่าให้เข้ากันก่อนนะคะ เนื่องจากแชมพูอาจแยกชั้นกันนิดหน่อย อ้อ อย่าเก็บไว้ในตู้เย็นนะคะ เพราะแชมพูจะแข็งตัวแล้วจะเทออกมาลำบากค่ะ...

แชมพูหมดทำไงดี?????


บางทีคนเราก็ลืมบ้าง ไรบ้าง อิๆ ศัพท์วัยรุ่นอีกแล้ว เวลาซื้อของทีไรลืมหมดเลยว่าที่บ้านขาดอะไรมั่ง เลยได้แต่ของที่ไม่จำเป็นติดไม้ติดมือกลับบ้าน พอจะสระผม เหลือบไปดู อ้าว แชมพูหมด จะเอาสบู่เหลวมาสระ ก็กระไรอยู่ ที่นี่ มีคำตอบค่ะ หาที่มันมีในครัวนี่แหละ ชาวบ้านเขายังทำมาซะสวยหรูดูน่าใช้เหมือนอย่างในรูปค่ะ มาดูซิว่าอะไรพอจะเอามาทำได้บ้าง

1. ผงฟู หรือ โซเดียมไบคาร์บอเนต หรือ เบคกิ้งโซดา จะใช้อีโนก็ได้นะคะ แต่แพงไปหน่อย อิๆ ใช้ซัก   2 ช้อนโต๊ะ
2. น้ำมันหอมระเหย  10 หยด หากไม่มีสิ่งใดเลย แนะนำยูคาลิปตัส ค่ะ เย็นหัวดี 555แต่ปกติเราจะใช้น้ำมันมะกรูด หรือ tea tree oil กันเพื่อลดอาการอักเสบและฆ่าเชื้อบริเวณหนังศีรษะ
3. น้ำเปล่าพร้อมหลอด หยด ถ้าไม่มีไม่ต้องกระเสือกกระสนหา นะคะ ใช้หลอดดูดน้ำก็ใช้ได้ค่ะ
 ได้ของเสร็จแล้ว เตรียมลุยค่ะ อ่อ หากผมยังเปียกอยู่ ประมาณว่าแชมพูหมดแบบไม่รู้ตัว แนะนำพันผ้าบนหัวนิดนึงนะคะเพื่อความสะดวกในการทำแชมพูค่ะ เอาผงฟูใส่ชาม หยดน้ำมันหอมระเหยลงไป คนให้เข้ากัน เสร็จแล้ว ค่อยๆหยดน้ำลงไปอย่าเทพรวดนะคะ ใช้หลอดหยดน้ำลงไปทีละนิดคนไปเรื่อยๆจนสภาพออกมาเป็นโคลนหน่อยๆเป็นอันเสร็จพิธีค่ะ จากนั้นก็เอามาละเลงบนหัวแทนแชมพูได้เลยค่ะ รับรองว่าสะอาดหมดจดจริงๆ แต่อย่าลืมใช้ครีมนวดตามนะคะ ...ว่าแต่ว่า ครีมนวดน่ะ ยังมีอยู่หรือว่าหมดไปแล้ว 5555

แปลงโฉมสบู่ก้อนให้เป็นสบู่เหลวสูตรบำรุงผิวกันดีกว่า...


คุณมีอาการแบบนี้บ้างไหมคะที่เวลาสบู่ก้อน ลดราคาทีไรเราจะซื้อทีละเยอะๆแล้วก็จะเหลือใช้มาก ใช้ไม่หมดซักที อยากเปลี่ยนเป็นกลิ่นอื่นบ้าง หรืออยากใช้สบู่เหลว แต่สบู่ก้อนก็เหลืออยู่เต็มตู้...วันนี้เรามาดูกันซิว่าสบู่ก้อนที่มีอยู่จะทำอะไรให้เราได้บ้าง มาลองดูส่วนผสมกันเลยค่ะ
1. สบู่ก้อนที่หั่นเป็นฝอย โดยใช้ที่ขูดมะละกอ 1 ถ้วย
2. น้ำดื่ม 3 ถ้วย
3. น้ำมันที่ทำกับข้าว หรือเบบี้ออยล์ก็ได้ 1 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำมันหอมระเหยกลิ่นที่ชอบ หรือ กลิ่นผลไม้ที่มีขายตามร้านเบเกอรี่ ตามชอบค่ะ (ส่วนตัวชอบกลิ่นสตรอเบอรี่ค่ะ แบบในร้านเบเกอรี่ขายขวดหนึ่งไม่เกินยี่สิบบาท)
   เริ่มต้นก็เอาสบู่ผสมกับน้ำแล้วตุ๋นด้วยหม้อสองชั้น จะเอาชามตั้งไฟเอาน้ำใส่ แล้วใส่ถ้วยที่มีสบู่ก็ได้ค่ะ(ตามลำบากอิๆ)ตุ๋นจนกลายเป็นน้ำนม คือเป็นเนื้อเดียว เติมน้ำมันลงไป คนให้ทั่วแล้วยกลง คนไปเรื่อยๆค่ะ คนบ้าง พักบ้าง จนสบู่อุ่น แล้วจึงเติมกลิ่น แค่นี้เราก็จะมีสบู่บำรุงผิวที่เป็นสูตรของเราเองแล้วค่ะ ใครอยากใส่ผงสครับลงไปด้วยก็ไม่ว่ากันนะคะ ถ้าแบบว่าเอาราคาถูกแต่ดี ก็คือ รำบดละเอียดค่ะ หาซื้อได้ตามร้านตกปลา ถุงละยี่สิบแต่ได้ประมาณครึ่งกิโล สครับตัวนี้จะไม่บาดผิวนะคะ แต่จะเพิ่มความชุ่มชื้นค่ะเนื่องจากในรำละเอียดมีน้ำมันที่เรียกกันว่าน้ำมันรำข้าวนั่นเอง....ทำง่ายๆแต่ได้คุณค่าค่ะ :)
   

วันพฤหัสบดีที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2555

มะหาดขาวแซ่บเว่อร์จนจะหมดป่าแล้วจ้า...

 ช่วงนี้ถ้าได้ลองดูเทรนด์ ไวท์เทนนิ่งตัวใหม่ในบ้านเรา คงไม่มีอะไรเกินหน้าโลชั่นมะหาดอีกแล้ว ขาวแซ่บเว่อร์ แบบว่า ขาวจริง ไรจริง(ภาษาวัยรุ่นค่ะ) ด้วยความสงสัย อยากรู้นี่แหล่ะค่ะ เลยต้องไปค้นดูว่ามันมาจากไหน ทำไมดังสุดขั้วเช่นนี้ ก็เลยเจอว่า อาจารย์คณะเภสัช จุฬา คนในวงการเดียวกันนี่เอง ที่จุดประกาย สมุนไพรไทย ไปไกลทั่วโลก(เฉพาะเอเชียค่ะ แถบยุโรปไม่นิยมเพราะขาวจนจะซีดอยู่แล้ว) นี่แค่ยังวิจัยได้ไม่เท่าไหร่เองนะคะ ยังไม่รู้ว่าความเข้มข้นที่เหมาะสมอยู่ในปริมาณที่เท่าไหร่ บ้านเราก็ขายมันเข้าไปร่วมล้านยี่ห้อแล้วค่ะ กลูต้าจากเกาหลีนี่ เรทติ้งตกเลยทีเดียว ก็ดีนะคะที่เราช่วยกันอุดหนุนของไทย แต่เป็นเรื่องที่น่าเศร้าอีกเช่นกัน ที่ได้รู้ความจริงที่ว่า การที่เราจะได้สารสำคัญที่ขาวจริงขาวจังนี่ เราต้องเอาแก่นของต้นมะหาดที่มีสีน้ำตาลแก่ มาต้มแล้วจึงจะได้สารสกัดออกมา ซึ่งกว่ามะหาดจะให้แก่นสีน้ำตาลออกมาได้ ต้องใช้เวลาถึง 5 ปี และจะให้ได้สารสำคัญเข้มข้นจริงๆ ต้องใช้เวลาถึง 40 ปี และตอนนี้ ก็มีคนเข้าป่าไปหาต้นมะหาดเพื่อที่จะโค่นมันออกมาขาย เนื่องจากเป็นต้นไม้ที่ขึ้นทั่วไปตามป่าโปร่ง ป่าเบญจพรรณ ซึ่งทราบมาจากโรงงานที่รับบดสมุนไพรว่า ตอนนี้แก่นมะหาดสีน้ำตาลแก่หาไม่เจอแล้ว พบแต่แก่นสีขาวซึ่งเป็นต้นที่อายุยังไม่ถึง 5 ปี อ่านแล้วสะท้อนใจไหมคะ มันจะขาวซีดเว่อร์กันทั้งเมืองและต้นมะหาดก็กำลังจะเริ่มหายไปพร้อมๆกัน ด้วยความรันทดใจปนกับเสียดายลึกๆ ก็เลยลองค้นดูว่าจะมีสารตัวไหนในบ้านเราอีกไหมที่มีการวิจัยแล้วได้ผลคล้ายๆกัน แม้ขาวไม่ทันใจก็ขอขาวอย่างค่อยเป็นค่อยไป แบบไม่ฉาบฉวย และรักษ์โลก น่าจะดูดีกว่า และแล้วเราก็เจอแล้ว มันคือ ถั่วเหลืองนั่นเอง และจะได้สารตัวนั้นออกมา ไม่ยากเลย หาจากน้ำเต้าหู้สดๆนี่ล่ะค่ะเขาพบว่า มีสารชนิดหนึ่งที่เรียกว่า 6,7,4'-trihydroxyisoflavone  ซึ่งพบว่าสามารถยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานินได้มากกว่า กรดโคจิค ถึง 6 เท่า แต่อาจต้องใช้เวลาประมาณ 12 สัปดาห์ ถึงจะเห็นผลชัดเจนค่ะ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่http://www.skinwhiteningscience.com/top_skin_whitening_agents_top_20_soy.html ถือเป็นความรู้นะคะ ที่ไม่ได้มีมะหาดเท่านั้นที่ขาวจริง ขาวจัง จริงๆแล้วน้ำเต้าหู้นี่แหล่ะค่ะ ก็ช่วยได้เหมือนกัน ตอนนี้มะหาดจะหมดป่าแล้ว เพราะคนเราต้องการมากกว่าคำว่าพอดี เรามาเริ่มต้นขาวกันแบบพอดีๆกับน้ำเต้าหู้สดๆกันดีกว่าค่ะ จะทานทุกวัน หรือจะใช้เป็นโลชั่นทาทุกวันก็ยังได้ สนใจการทำโลชั่นน้ำเต้าหู้สดดูที่http://diybysasa.blogspot.com/2012/06/anti-aging-body-lotion.html แล้วจะรู้ว่าไม่ต้องไปขวนขวายหามะหาดเลยค่ะ ^_^

Anti aging body lotion..ทำโลชั่นต่อต้านริ้วรอยกันเถอะ

 คุณทราบไหมว่าในถั่วเหลืองมีสารอะไรที่มีประโยชน์ต่อผิวเราบ้าง วันนี้จะมาแชร์ไอเดียเริ่ดๆในราคาสุดถูก แต่ช่วยได้จริงชนิดที่ แบรนด์ชั้นนำ ยังอาย    ความลับของถั่วเหลืองคือ สารที่เรียกกันว่าPhyto estrogen นั่นเอง สารนี้มีเป็นตัวที่ทำหน้าที่คล้ายฮอร์โมนเพศหญิงนั่นเอง และมีอยู่เยอะในถั่วเหลืองค่ะ เราจะนำสารตัวนี้ในถั่วเหลืองมาใช้กัน ไปดูส่วนผสมกันเลยค่ะ
1. น้ำเต้าหู้แบบไม่ใส่น้ำตาลและเครื่องทั้งหลาย 1 ถ้วยครึ่ง หาได้ทั่วไปตามตลาดสดค่ะ เอาแบบร้อนๆนะคะไม่เอาแบบกล่องที่แช่เย็นในตู้ขายน้ำ ถ้าจะให้ดีที่สุดทำเองค่ะ แต่จะนานเกินไป(ขี้เกียจทำค่ะไม่ถนัด)
2. Emulsifying wax  1 ช้อนกาแฟค่ะ
3. น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันมะพร้าว หรือเบบี้ออยล์ อย่างใดอย่างหนึ่ง 1 ช้อนกาแฟ
4. กลิ่นตามชอบ

นำemulsifying wax มาหลอมให้ละลายแล้วเติมน้ำมันในข้อ3 ลงไป คนจนเป็นสารละลายใส และอุ่นน้ำเต้าหู้ ให้ร้อน แล้วเทส่วนของน้ำมันลงไป คนให้เข้ากันและคนไปเรื่อยๆจนเริ่มหนืด แล้ว คนเป็นพักๆ จนโลชั่นเริ่มอุ่น แล้วจึงใส่กลิ่นลงไป เทใส่ขวดโลชั่นหรือกระปุกครีม ตำรับนี้ให้เก็บไว้ในตู้เย็นค่ะ จะอยู่ได้นานประมาณ 1 เดือน ทา เช้า-เย็นหลังอาบน้ำ
  สูตรนี้จะช่วยให้ผิวนุ่มและลดริ้วรอย รวมทั้งป้องกันไม่ให้ผิวถูกทำลายเร็วกว่าปกติค่ะ ใช้ต่อเนื่องแค่ 1 สัปดาห์ก็เริ่มเห็นผลแล้วล่ะค่ะ :)

วันศุกร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2555

Ginger sweety scrub recipe..สครับหรูจากก้นครัวค่ะ

ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าขิงท้ายครัวจะสามารถแปลงร่างเป็นscrub สวยหรูดูดีมีชาติตระกูลขึ้นมา ราคาของscrubก็มีระดับอีกต่างหาก(ระดับที่ไม่กล้าซื้อค่ะ แพงจริง ไรจริง5555) ว่าแล้วก็ลองมาพิจารณาของที่อยู่ในครัวว่าตัวไหนมันสามารถเนรมิตตัวนี้ขึ้นมาโดยที่ไม่ต้องไปซื้อให้เจ็บใจเล่น ก็คิดว่าน่าจะพอไหวนะ
ส่วนประกอบ
1. น้ำตาลทราย ไม่เลือกสีค่ะ จะแดงก็ได้ หรือขาวก็ได้ ไม่ว่ากัน
2. สบู่ก้อนที่เหลือในห้องน้ำหรือจะเดินไปซื้อร้านขายของชำก็ได้ค่ะ เอาที่ขูดมะละกอขูดให้เป็นฝอย ใช้1 ถ้วยตวง(กะเอาก็ได้ค่ะ)
3. น้ำสะอาด 2 ถ้วยตวง
4. น้ำขิง 1 ถ้วยตวง จะใช้ขิงผงหนึ่งซองละลายน้ำหนึ่งแก้ว หรือต้มขิงแก่เอาแค่น้ำต้มมาหนึ่งถ้วยก็ได้ค่ะ แล้วแต่สะดวก
5. น้ำมันทานตะวันที่ใช้ทำกับข้าวนั่นแหล่ะค่ะ ครึ่งถ้วยตวง

วิธีทำ
  เอาสบู่ที่ขูดไว้ผสมกับน้ำเปล่า ตุ๋นในหม้อที่ตั้งไฟ ให้พอละลาย จะใช้เข้าเตาไมโครเวฟก็ได้ ประมาณ 1 นาที คนจนเข้ากันเป็นเนื้อเดียวยกลง ผสมน้ำขิงและน้ำมันทานตะวันลงไปคนเร็วๆให้เข้ากัน พยายามคนไปเรื่อยๆจนอุ่น ใส่น้ำตาลทรายลงไปจนสครับข้นไม่เหลว ตักใส่กระปุกที่มีฝาปิดสนิท ทิ้งไว้ในตู้เย็นสิบนาที แล้วตั้งไว้ในห้องน้ำ สครับนี้ไม่มีกันเสียแต่น้ำตาลมีความเข้มข้นสูงพอจะช่วยยืดอายุสครับไว้ได้นานประมาณหนึ่งเดือนค่ะ เวลาจะใช้ควรมีช้อนพลาสติกสำหรับตักมาใช้ ไม่ควรควักลงไปด้วยมือค่ะจะทำให้อายุสครับสั้นลง
  ตำรับนี้ใช้อาบน้ำไปด้วยและขัดไปด้วยไม่ต้องใช้สบู่เพิ่ม เพราะเรามีสบู่ผสมไปแล้วแต่ถ้ายังรู้สึกตัวมันๆอยู่ก็ล้างด้วยสบู่อีกรอบหนึ่งได้ค่ะ
สำหรับสรรพคุณของสครับตัวนี้ คือจะช่วยการไหลเวียนของเลือดค่ะ อาบแล้วจะรู้สึกอุ่นๆด้วยฤทธิ์ของขิง ตำรับนี้ค่าใช้จ่ายไม่น่าจะเกินสามสิบบาทนะคะ สวยด้วยของก้นครัวในราคาสบายๆค่ะ :)


วันศุกร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2555

Olive oil shower gel....แรงบันดาลใจจากThe bodyshop



เรื่องของเรื่องก็มีอยู่ว่า สบู่เหลวขวดนี้ได้เป็นของขวัญช่วงปีใหม่ ฉันเคยไปแอบดูราคาที่shelf ในร้านเห็นราคาแล้วตกตะลึงปนอึ้งค่ะเพราะมันแพงระยับ ไม่เคยคิดจะซื้อสบู่อาบน้ำราคานี้ในชีวิตมาก่อน แต่ใช้ไปแล้วก็แอบชื่นชมค่ะ ของเขาดีจริงๆ แต่ว่ามันจะหมด(อีกแล้ว) ก็เลยเอาฉลากมานั่งแกะดูด้วยความรู้บวกประสบการณ์นิดหน่อยก็เลยพอจะทราบว่าถ้าเราจะทำใช้เองมันก็ไม่ยาก อาจจะไม่เหมือนร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ฟีลลิ่งก็ยังพอไหวค่ะ ว่าแล้วก็มาเข้าเนื้อหากันเลย มีส่วนผสมอะไรบ้าง

1. Sodium laureth sulphate หรือหัวแชมพู ครึ่งถ้วยตวง
2. น้ำดื่ม 1 ถ้วยตวง
3. กลีเซอรีน 1-2 ช้อนโต๊ะ
4. Tween 20 จำนวน 2 ช้อนชา
5. น้ำมันมะกอก 10 หยด(และกลิ่นมะกอกถ้ามีนะคะ ใช้แค่หยดเดียว)
6. สีผสมอาหารสีเขียวนิดหน่อย
7. เกลือป่น 1 ช้อนชา
8. citric acid หรือกรดมะนาว  5 เกร็ด ค่ะ สำหรับปรับpHให้เป็นกรดเล็กน้อยเพื่อสุขภาพผิวที่ดีค่ะ

ผสม 4+5 เข้าด้วยกันถ้าขุ่นให้ใส่Tween เพิ่มจนใส แล้วใส่ลงใน 1 จากนั้นเติมทุกอย่างลงไปยกเว้นเกลือป่น เมื่อใส่ครบ คนให้เข้ากัน ค่อยๆเติมเกลือป่นลงไปตัวเกลือจะไปปรับให้สบู่เหลวของเราข้นขึ้นค่ะ ทีนี้เราก็จะได้สบู่เหลวอาบน้ำแบบThe Body Shop เอาไว้ใช้ ตัวสำคัญที่ช่วยให้ผิวนุ่มไม่แห้งกร้านคือ ตัวกลีเซอรีนและน้ำมันมะกอก จะสังเกตได้ว่าหลังจากอาบน้ำผิวจะนุ่มและลื่นขึ้นค่ะ....ลองทำดูนะคะ พวกสารเคมีบางตัวมีขายตามร้านขายเคมีภัณฑ์ทั่วๆไปค่ะ ถ้าใครไม่ชอบกลิ่นของน้ำมันมะกอกจะใส่กลิ่นอื่นก็ได้นะคะ เช่น  มะลิ แอปเปิ้ล ก็หอมไปอีกแบบค่ะ

Olve oil facial cleanser recipe


         วันนี้โฟมล้างหน้าที่ใช้เริ่มบีบไม่ออกแล้ว เสียตังค์ซื้ออีกสิเรา.....จะว่าไปแล้วในท้องตลาดก็มีผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าหลากหลายยี่ห้อและราคาก็ต่างกันไป ก็เลยแอบคิดว่าทางต่างประเทศจะมีใครเขามาทำcleanser ใช้เองไหมเนี่ย พอลองsearch เข้าไปดู ถึงรู้ว่า มีสูตรล้านแปดตำรับเลยค่ะ สำหรับสูตรที่จะมาpresent วันนี้เป็นตำรับที่ตัวเองชอบเพราะมีสบู่ผสมอยู่เนื่องจากชอบใช้สบู่เหลวและโฟมล้างหน้ามากกว่าจะเป็นcleanserแบบอื่น ลองมาดูกันค่ะว่าตำรับนี้ตรงใจคุณบ้างไหม

ส่วนผสม
 1. สบู่เหลวอาบน้ำของเด็กสูตรไม่ระคายเคืองตา 2 ช้อนชา (อันนี้เข้าใจว่าถ้าผิวเด็กอันแสนบอบบางไม่แพ้แล้ว เนี่ย สภาพหนังหน้าแบบดิฉัน ก็คงไม่แพ้เช่นกันค่ะ)
2. น้ำดื่ม 2 ช้อนโต๊ะ (จะเอาน้ำดื่มคริสตัล ที่กินแล้วหน้าใสปิ๊งก็ไม่ว่ากันค่ะ)
3. กลีเซอรีน 2 ช้อนโต๊ะ ถ้าหาไม่ได้ ก็ใช้น้ำผึ้งสวนจิตรลดาที่มีขายใน 7-11 ก็ได้ค่ะ
4. น้ำมันมะกอก ครึ่งถ้วยตวง (จะเอาแบบที่ทำกับข้าวก็ได้นะคะไม่ว่ากัน)

วิธิทำ
  นำส่วนผสมทุกตัวผสมให้เข้ากันคนหรือจะเทใส่เครื่องปั่นก็ได้ค่ะ ตีให้เป็นเนื้อเดียวกัน เสร็จแล้วเทใส่ขวดหัวปั๊ม สามารถเก็บไว้ได้นาน 1 เดือนค่ะ

สูตรนี้มีข้อดีคือ เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว และสามารถล้างเครื่องสำอางได้หมดจดด้วยค่ะ หากอยากทำการสครับหน้า ก็อาจใช้น้ำตาลทรายผสมลงไปในสบู่เล็กน้อยแล้วนวดทั่วใบหน้า แล้วล้างออก ผิวจะนุ่มและใสขึ้นจนสัมผัสได้ค่ะ ^__^